BUDDHIST TOURISM: EXPERIENCE THE CULTURE OF WAT RAI KHING, ROYAL MONASTERY

Authors

  • Phra Maha Paiboon Vipulo (Jadla) วัดไร่ขิง พระอารามหลวง จังหวัดนครปฐม
  • Mae Chee Chamriang Kamnoedton วัดกลาง จังหวัดชลบุรี
  • Preeda Chanjamsri วิทยาลัยสงฆ์เชียงราย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

Keywords:

Buddhist tourism, cultural experiences, Wat Rai Khing culture

Abstract

The academic article “Buddhist Tourism: Experiencing the Culture of Wat Rai Khing, Royal Monastery” aims to study the promotion of Buddhist tourism, learning and experiencing religious culture at Wat Rai Khing, Royal Monastery, Nakhon Pathom Province, which is a center of faith and an important Buddhist tourist attraction in the central region of Thailand. The study covers tourism in terms of religion, culture and tradition, which are integrated with the local community lifestyle. The results of the study found that Wat Rai Khing has the potential to be a center of Buddhist tourism because it has important religious sites, such as the Ubosot, the Vihara and the Luang Por Wat Rai Khing Buddha statue, which are symbols of faith for Buddhists throughout the country. Buddhist tourism here is not only about visiting the place, but also gives tourists the opportunity to participate in religious ceremonies, such as making merit by offering alms to monks, chanting and listening to sermons. The annual Wat Rai Khing festival is a cultural activity that reflects the traditions and lifestyles of the local community. In terms of religion and culture, Wat Rai Khing also has a legend about inviting the floating Buddha statue and the history of the temple’s construction in 1851. It provides historical dimensions and interesting aspects to tourism, as well as the integration of beautiful Thai art and architecture. Buddhist tourism at Wat Rai Khing, Royal Monastery, is a form of tourism that harmoniously connects faith, culture and lifestyle. Appropriate tourism management should take into account cultural conservation and community participation. To create immersive and sustainable travel experiences for tourists from all over the world.

References

กระทรวงวัฒนธรรม (2557). แนวทางการดำเนินงานโครงการส่งเสริมการท่องเที่ยว เส้นทางแสวงบุญในมิติทางศาสนา ปี 2557. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์กรมการศาสนา.

กฤษณา รักษาโฉม และคณะ (2556). “รูปแบบและกระบวนการจัดการท่องเที่ยวทางพระพุทธศาสนาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: กระบวนการเปลี่ยนเส้นทางบุญ สู่เส้นทางธรรม”. บทความวิจัย. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (2566). ประเภทการท่องเที่ยว. สืบค้นเมื่อ 15 เมษายน 2566. จากhttps://sites. google. com./site /tourisum.

ไกรฤกษ์ ปิ่นแก้ว (2566). การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม. สืบค้นเมื่อ 30 มกราคม 2566. จากhttp://tourismdan1. blogspot.com/2013/06/blog-post.html.

จุฑามาศ คงสวัสดิ์ (2550). “การศึกษาแนวทางการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม”. นครปฐม: มหาวิทยาลัยศิลปากร.

ธนกฤต สังข์เฉย (2550). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ. เพชรบุรี: คณะวิทยาการจัดการมหาวิทยาลัยศิลปากร วิทยาเขตสารสนเทศ.

ธฤษวรรณ มาตกุล (2556). “แรงจูงใจของนักท่องเที่ยวชาวไทยสู่การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีสาน กรณีศึกษาวัดศิลาอาสน์ (ภูพระ) จังหวัดชัยภูมิ”. ปริญญาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต. สาขาวิชาการจัดการการท่องเที่ยว. บัณฑิตวิทยาลัย: มหาวิทยาลัยขอนแก่น.

นิศา ชัชกุล (2557). อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์บริษัทวี พริ้นท์.

ปรัชญาพร พัฒนผล (2554). “การพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยววัฒนธรรมแม่น้ำเพชรบุรี”. วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิต. สาขาวิชาการบริหารงานวัฒนธรรม. วิทยาลัยนวัตกรรม :มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์.

ไปเที่ยวกัน (2566). วัดไร่ขิง. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2566 จากhttps://th.trip.com/moments/ detail/tha-talat-1450172119167495?locale=th-TH&curr=THB.

พระครูวิมลศิลปะกิจ (เรืองฤทธิ์ ธนปญฺโญ) และคณะ (2555). “การศึกษารูปแบบและสภาพแหล่งเรียนรู้ของวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงราย”. รายงานการวิจัย. มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา ห้องเรียนวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย.

พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (2554). ประวัติและตำนาน หลวงพ่อวัดไร่ขิง. กาญจนบุรี: ธรรมเมธี-สหายพัฒนาการพิมพ์.

มาโนช พรหมปัญโญ และคณะ (2556). “แนวทางการเตรียมความพร้อมการท่องเที่ยวเชิงพุทธของจังหวัดอุบลราชธานี”. วารสารการบริการและการท่องเที่ยว. ปีที่ 8 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม): 37

มาโนช พรหมปัญโญ และคณะ (2556). แนวทางการเตรียมความพร้อมการท่องเที่ยวเชิงพุทธของจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน. วารสารการบริการและการท่องเที่ยวไทย. ปีที่ 8 ฉบับที่ 2 (กรกฎาคม-ธันวาคม).

ราณี อิสิชัยกุล (2557). การจัดการการท่องเที่ยวเฉพาะทาง. นนทบุรี: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.

วัดไร่ขิง (2566). ประวัติวัดไร่ขิง. สืบค้นเมื่อ 7 เมษายน 2566 จาก https://watriakhing. wordpress.com/

สำนักพัฒนาบริการท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (2557). คู่มือการตรวจประเมินมาตรฐานคุณภาพแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: สำนักงานกิจการโรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์.

สุดาทิพย์ นันทโชค (2555). “พฤติกรรมการท่องเที่ยวเชิงศาสนาในเขตจังหวัดสิงห์บุรี ของนักท่องเที่ยวสูงอายุ”. ประชุมเชิงวิชาการ SWUMBA Research Conference. 17 กรกฎาคม พ.ศ.2555 ณ โรงแรมจัสมินเอ็กเซกคิวทีฟสวีท. กรุงเทพมหานคร.

สุริยวุฒิ สุขสวัสดิ์ (2530). “กลุ่มพระพุทธรูปสี่อิริยาบถในศิลปะสุโขทัย: ความหมายทางพระพุทธศาสนาบางประการ”. วารสารเมืองโบราณ. ปีที่ 13 ฉบับที่ 3 (กรกฎาคม-กันยายน): 60

หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย และญิบพันธ์ พรหมโยธี (2527). ปฐมบทแห่งวิชาการท่องเที่ยว. กรุงเทพมหานคร: ไทยวัฒนาพานิช.

Bhatia, A.K (1983). Tourism Development: Principle and Practices. New Delhi: 2 nd Steering Publishers Private Limited.

Davidson Rob (1995). Tourism. 2nd.ed. Singapore Longman: Group Limited.

Downloads

Published

2023-06-30

How to Cite

Phra Maha Paiboon Vipulo (Jadla), Mae Chee Chamriang Kamnoedton, & Preeda Chanjamsri. (2023). BUDDHIST TOURISM: EXPERIENCE THE CULTURE OF WAT RAI KHING, ROYAL MONASTERY. Journal of Modern Buddhist Studies, 2(1), 72–86. retrieved from https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jMBS/article/view/1394