Publication Ethics

จริยธรรมในการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารวิชาการ (Publication Ethics)

วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษามีนโยบายจัดเจนและการดำเนินการเพื่อให้การตีพิมพ์เผยแพร่บทความทางวิชาการ สามารถสื่อสารและถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการเป็นไปอย่างถูกต้องมีคุณภาพ โปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานการตีพิมพ์นานาชาติ เช่น Committee on Publication Ethics จึงได้กำหนดแนวทาง วิธีปฏิบัติที่ดี และจริยธรรมของการตีพิมพ์เผยแพร่ผลงานวิจัยไว้สำหรับการดำเนินงานของวารสาร ทั้งนี้ วารสารจึงกำหนดบทความหน้าที่ของผู้นิพนธ์ (Author) บรรณาธิการ (Editor) และผู้ประเมินบทความ (Reviewer) เพื่อให้บุคคลทั้ง 3 กลุ่มดังกล่าว ได้ศึกษาและปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดเพื่อประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ตลอดจนผู้อ่าน แวดวงวิชาการและโดยรวม รายละเอียดดังนี้

บทบาทและหน้าที่ของผู้นิพนธ์

  1. ผู้นิพนธ์ต้องรับรองว่าบทความต้นฉบับนั้นเป็นบทความที่ไม่เคยตีพิมพ์ที่วารสารใดมาก่อน
  2. ผู้นิพนธ์ต้องอ้างอิงผลงานของผู้อื่นต้องจัดทำรายการอ้างอิง ท้ายบทความ
  3. ผู้นิพนธ์ต้องเขียนบทความให้ถูกต้องตามรูปแบบของวารสารที่กำหนดไว้
  4. ผู้นิพนธ์ที่มีชื่อปรากฏในบทความทุกคนต้องเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการดำเนินการวิจัย
  5. ผู้นิพนธ์ต้องระบุผลประโยชน์ทับซ้อนให้ชัดเจน
  6. ผู้นิพนธ์ต้องยินยอมให้วารสารตรวจสอบการคัดลอกผลงานวิชาการโดยใช้ระบบ CopyCatch ทั้งนี้ผลงานวิชาการที่มีความคล้ายคลึงกันสามารถยอบรับได้ไม่เกินร้อยละ 25 % ของผลงานทั้งหมดจึงจะนำเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตีพิมพ์

บทบาทและหน้าที่ของบรรณาธิการวารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา

  1. พิจารณาบทความที่มีคุณภาพเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา
  2. บรรณาธิการต้องไม่เปิดเผยข้อมูลของผู้นิพนธ์และผู้ประเมินบทความแก่บุคคลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความ
  3. บรรณาธิการต้องตัดสินใจคัดเลือกบทความ โดยพิจารณาจากความสำคัญ ความใหม่ ความชัดเจน และความสอดคล้องของเนื้อหากับนโยบายของวารสารเป็นสำคัญ
  4. บรรณาธิการต้องไม่ตีพิมพ์บทความที่เคยตีพิมพ์ที่อื่นมาแล้ว
  5. บรรณาธิการจะไม่ปฏิเสธการตีพิมพ์บทความเพราะความสงสัยหรือไม่แน่ใจ
  6. บรรณาธิการต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้เกี่ยวข้องทุกคนในวงจรการตีพิมพ์บทความ
  7. บรรณาธิการต้องมีการตรวจสอบบทความในด้านการคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) อย่างจริงจัง โดยใช้โปรแกรมที่เชื่อถือได้ เพื่อให้แน่ใจว่าบทความที่จะนำลงตีพิมพ์ในวารสารโดยไม่มีการคัดลอกผลงานของผู้อื่น
  8. หากตรวจพบว่ามีการคัดลอกผลงานของผู้อื่นในระหว่างกระบวนการประเมินบทความ บรรณาธิการจะหยุดกระบวนการประเมินและติดต่อผู้นิพนธ์หลักทันทีเพื่อขอคำชี้แจง เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา “ตอบรับ” หรือ “ปฏิเสธ” การตีพิมพ์บทความนั้นๆ

บทบาทและหน้าที่ของผู้ประเมินบทความ

  1. ผู้ประเมินบทความต้องรักษาความลับและจะไม่เปิดเผยข้อมูลบางส่วนหรือทุกส่วนของบทความที่ส่งมาเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องในช่วงระยะเวลาของการประเมินบทความ
  2. หลังจากได้รับบทความจากบรรณาธิการวารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา และผู้ประเมินบทความ ตระหนักว่าตัวเองอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับผู้นิพนธ์ เช่น เป็นผู้ร่วมโครงการ หรือรู้จักผู้นิพนธ์เป็นการส่วนตัว หรือเหตุผลอื่นๆ ที่ทำให้ไม่สามารถให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะอย่างอิสระได้ ผู้ประเมินบทความควรแจ้งให้บรรณาธิการวารสารทราบและปฏิเสธการประเมินบทความนั้นๆ
  3. ผู้ประเมินบทความควรประเมินบทความในสาขาวิชาที่ตนมีความเชี่ยวชาญ โดยพิจารณาความสำคัญของเนื้อหาในบทความที่จะมีต่อประโยชน์ทางวิชาการในสาขาวิชานั้นๆ คุณภาพของการวิเคราะห์ และความเข้มข้นของผลงาน และผู้ประเมินบทความไม่ควรใช้ความคิดเห็นส่วนตัวที่ไม่มีข้อมูลรองรับมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินบทความวิจัย
  4. ผู้ประเมินบทความต้องประเมินบทความตามกรอบระยะเวลาที่วารสารกำหนดและต้องส่งบทความที่ทำการประเมินแล้วเสร็จให้กับวารสารภายในไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่ได้รับบทความ

 

ปรับปรุงจาก

- https://publicationethics.org/

- ประกาศของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทย (TCI) เรื่องการประเมินด้านจริยธรรม/จรรยาบรรณวารสารวิชาการไทยในฐานข้อมูล TCI วันที่ 21 กรกฎาคม 2566