วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM สมาคมนักวิชาการไทย (Thai Academic Association) th-TH วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา 3057-0611 ทฤษฎีการกำหนดขนาดและคุณสมบัติผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัยเชิงคุณภาพ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1114 <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา (1) ทฤษฎีการกำหนดขนาดผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัยเชิงคุณภาพ (2) คุณสมบัติผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัยเชิงคุณภาพ และ (3) การคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัยเชิงคุณภาพ การคัดเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ หรือผู้มีส่วนร่วมในการวิจัยเชิงคุณภาพหรือคุณลักษณะนั้น เป็นกระบวนการหรือวิธีการที่ต้องบูรณาการองค์ความรู้ทั้งศาสตร์และศิลป์ของนักวิจัย เพราะการวิจัยเชิงคุณภาพนั้นมีความมุ่งเน้นทำความเข้าใจในปรากฎการณ์ต่าง ๆ ที่มีคุณลักษณะเป็นการเฉพาะเจาะจงเป็นกลุ่ม เหตุการณ์ หรือกระบวนการ นักวิจัยจำเป็นที่จะต้องเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญโดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัยเป็นอันดับแรก อีกทั้งการวิจัยเชิงคุณภาพนั้นเป็นการค้นพบข้อมูลเฉพาะกลุ่ม ดังนั้น นักวิจัยต้องพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ควรมีความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการวิจัย ผู้ให้ข้อมูลสำคัญควรให้ข้อมูลเชิงลึกที่เพียงพอที่จะอธิบายถึงปรากฎการณ์ที่นักวิจัยกำลังต้องการศึกษาได้อย่างครบถ้วนและอิ่มตัว ข้อค้นพบที่ได้จากการเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญสามารถให้ข้อสรุปที่ชัดเจนได้ ข้อมูลที่ได้รับควรมีความเที่ยงตรงและความน่าเชื่อถือ ถูกต้องตามหลักจริยธรรมในการวิจัย และ การเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญดังกล่าวได้มีการวางแผนในการเลือกผู้ให้ข้อมูลสำคัญได้อย่างเหมาะสม จึงได้เสนอทฤษฎีการกำหนดขนาด และคุณสมบัติผู้ให้ข้อมูลสำคัญสำหรับการวิจัยเชิงคุณภาพตามแนวคิดของผู้นิพนธ์นั้น พร้อมด้วยวิธีการเลือกผู้ให้ข้อมูลที่มีนักวิชาการ นักวิจัย ได้ศึกษาทดลองและนำเสนอไว้ประกอบการค้นคว้ารวมถึงงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดขนาดผู้ให้ข้อมูลสำคัญในการวิจัยเชิงคุณภาพ</p> สุทธิพงศ์ เสมสูงเนิน ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 112 123 เอไอโค้ชเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อพัฒนาศักยภาพการแบ่งปันของเกมอีสปอร์ต https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1576 <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอคุณลักษณะของแอปพลิเคชัน AI Coach ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงประโยชน์ ข้อดี ข้อจำกัด และการเปรียบเทียบกับ<br />แอปพลิเคชันอื่น ๆ นอกจากนี้ยังได้กล่าวถึงหลักการทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ขั้นตอนวิธีการประยุกต์ใช้ บทบาทของผู้เรียนและผู้สอน ตลอดจนแนวทางการประเมินผลในการใช้ AI Coach เพื่อพัฒนาทักษะใน E-sports ผลจากการศึกษาพบว่า AI Coach มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผู้เล่น E-sports ซึ่ง ใน E-sports นั้นจะมีทีมผู้เล่นหรือผู้เล่นเดี่ยวที่แข่งขันกันโดยมีกฎเกณฑ์และการตัดสินที่ชัดเจน เกมส่วนใหญ่ในอีสปอร์ตมักจะเน้นทักษะในการเล่นกลยุทธ์ ความเร็วในการตอบสนอง การทำงานร่วมกันในทีม และการคิดวิเคราะห์ทั้งในด้านการปรับปรุงเทคนิค การเพิ่มประสิทธิภาพการเล่น และการทำให้ผู้เล่นมีความเข้าใจในการเล่นเชิงลึกมากขึ้น ดังนั้น AI Coach ในเกม E-sports ไม่เพียงแค่ช่วยในการพัฒนาทักษะของผู้เล่นแต่ยังช่วยในการสร้างความเชื่อมโยงและการแบ่งปันข้อมูลที่สามารถช่วยยกระดับผู้เล่นและทีมในวงการอีสปอร์ตได้มากขึ้น การใช้ AI ทำให้การเรียนรู้และการฝึกฝนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและเปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถแบ่งปันประสบการณ์และเทคนิคต่าง ๆ กับชุมชนได้มากขึ้น</p> ชญาณ์นินท์ พานิช อุทิศ บำรุงชีพ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 124 139 การบริหารสถานศึกษาแบบบูรณาการ: แนวทางสู่ความยั่งยืนด้วยการออกแบบ ที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1731 <p><strong> </strong>บทความนี้นำเสนอความสำคัญของการบริหารจัดการสถานศึกษาอย่างบูรณาการที่มุ่งสู่ความยั่งยืน โดยการออกแบบระบบการบริหารที่ครอบคลุมและยืดหยุ่น เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลซึ่งส่งผลกระทบต่อการศึกษา การพัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษา และความต้องการของนักเรียน สิ่งที่ศึกษาคือการพัฒนากรอบกระบวนการใหม่ภายใต้ชื่อ FLEX-5 Model ซึ่งประกอบด้วย 4 มิติหลัก ได้แก่ การวางแผนที่ยืดหยุ่น การบูรณาการผู้นำ การมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพ และ ความเป็นเลิศในการดำเนินงาน รวมถึง 5 ขั้นตอนสำคัญ ได้แก่ Planning, Integration, Flexibility, Monitoring, และ Sustainability จุดมุ่งหมายของการศึกษาคือการสร้างกรอบแนวคิดการบริหารที่สามารถปรับตัวตามสถานการณ์ และพัฒนาสถานศึกษาให้ยั่งยืนในระยะยาว ผลจากการศึกษาเสนอว่า FLEX-5 Model ช่วยส่งเสริมการจัดการทรัพยากรและการพัฒนาบุคลากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ข้อเสนอแนะคือการนำโมเดลนี้ไปปรับใช้ในสถานศึกษาเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและครอบคลุมทุกมิติ</p> วรพล ศรีเทพ ภาคภูมิ ทองลาด ปราณี นิลเหม ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 140 156 การประยุกต์ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารท้องถิ่น: กรณีศึกษาความสำเร็จ ในการพัฒนาพื้นที่เชิงนวัตกรรม https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1811 <p>บทความนี้มุ่งศึกษาการประยุกต์ใช้หลักธรรมาภิบาลในการบริหารท้องถิ่นของไทยที่นำไปสู่การพัฒนาพื้นที่เชิงนวัตกรรม โดยวิเคราะห์กรณีศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จในการนำหลักธรรมาภิบาลมาใช้ในการบริหารงานจนเกิดนวัตกรรมเชิงพื้นที่ นำเสนอปัจจัยสนับสนุนสำคัญ จำนวน 6 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ผลการศึกษาพบว่า การบริหารท้องถิ่นที่ยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างเคร่งครัดนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมในการบริหารจัดการ การให้บริการสาธารณะ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังพบปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง การมีส่วนร่วมของภาคประชาชน การสร้างเครือข่ายความร่วมมือในระดับพื้นที่ และการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการบริหารงาน ตอกย้ำถึงความสำคัญของการบริหารท้องถิ่นตามหลักธรรมาภิบาลที่เป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาพื้นที่เชิงนวัตกรรมอย่างยั่งยืน</p> ปรินทร ศิริเอี้ยวพิกูล ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 157 172 การบริหารการศึกษาในศตวรรษที่ 21 แนวคิดและหลักการ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1778 <p> การบริหารการศึกษาในปัจจุบัน สถานศึกษาจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วของสังคม และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และความท้าทายใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกยุคโลกาภิวัตน์ การบริหารการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องให้ความสำคัญกับการบูรณาการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการเรียนการสอนและการบริหารจัดการ การส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษาในสถานศึกษา และพัฒนาศักยภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา นอกจากนี้ การบริหารการศึกษายังต้องมุ่งเน้นการสร้างความร่วมมือกับชุมชน โดยการบริหารการศึกษาในศตวรรษที่ 21 ต้องอาศัยวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน มีความยืดหยุ่น และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลง เพื่อสร้างระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและยั่งยืน ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนและสังคมในยุคปัจจุบัน บทความการบริหารการศึกษาในศตวรรษที่ 21 แนวคิดและหลักการนี้ประกอบด้วย ขอบข่ายการบริหารการศึกษา ทักษะของผู้บริหารสถานศึกษาในศตวรรษที่ 21 บทบาทของผู้บริหารการศึกษากับการจัดการศึกษาในศตวรรษที่ 21 และ องค์ประกอบการบริหารการศึกษาเพื่อความเป็นเลิศ</p> กฤษณา สังครุธ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 173 184 นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ IDPDA ร่วมกับการจัดนิเวศการเรียนรู้ดิจิทัล รายวิชาชีววิทยา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนศรัทธาสมุทร จังหวัดสมุทรสงคราม https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1549 <p><strong> </strong>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้และเจตคติของนักเรียนที่มีต่อนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ IDPDA ร่วมกับการจัดนิเวศการเรียนรู้ดิจิทัล รายวิชาชีววิทยา ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เป็นวิธีวิจัยเชิงทดลอง (Pre-Experimental Research) โดย One Group Pretest - Posttest Design กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 แผนการเรียนห้องเรียนพิเศษ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ แผนการจัดการเรียนรู้ ใบกิจกรรม และแบบประเมินเจตคติ ผลการวิจัยพบว่า นวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบ IDPDA ร่วมกับการจัดนิเวศการเรียนรู้ดิจิทัลส่งผลให้การเรียนรู้ของนักเรียนโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจริง (Actual gain) และนักเรียนมีระดับเจตคติเฉลี่ยต่อการเรียนวิชาชีววิทยาอยู่ในระดับ “สูงมาก”</p> กิตติวัฒน์ ดิษฐประเสริฐ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 1 14 A Study on Problems in Developing Essential Skills for School Administrators in the 21st Century of Schools under the Bangkok Metropolitan Administration Using Quality Control Tools and 5W1H Technique https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1558 <p>The objective of this study was to investigate problems in developing essential skills for school administrators in the era when technology and society are changing rapidly. Quality control tools and the 5W1H Technique were used for problem analysis. The data in this qualitative research were collected by using in-depth interviews with 437 school administrators of schools in the Central Bangkok Group under the Bangkok Metropolitan Administration.</p> <p>The results revealed that the main problems in developing essential skills for school administrators included the lack of effective leadership skills, insufficient technological and innovation competencies, and poor communication skills are key challenges. It is recommended that school administrators adapt and enhance their skills in leadership, communication, and the use of digital technology to meet the demands of the modern era. It is also suggested that school administrators adapt and develop skills related to leadership, communication, and the use of digital technology. Moreover, they should also develop a network for skill development cooperation. These recommendations can be used as the guidelines for developing essential skills for school administrators in the 21<sup>st</sup> century.</p> Chutima Pongpattana Wannaubon Singyoocharoen Karun Chaivanich ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 15 30 แนวทางการป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 1 https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1591 <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาภาวะหมดไฟในการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษาและ 2) เพื่อศึกษาแนวทางการป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 1 โดยมีการดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การศึกษาภาวะหมดไฟในการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่เขต 1 จำนวน 76 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสอบถามมีลักษณะเป็นมาตรประมาณค่า 5 ระดับ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ขั้นตอนที่ 2 การศึกษาแนวทางการป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษากลุ่มผู้ให้ข้อมูล ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 4 คน เก็บรวบรวมข้อมูลด้วยแบบสัมภาษณ์ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li>ระดับภาวะหมดไฟในการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 1 ในภาพรวม อยู่ในระดับน้อย เมื่อพิจารณารายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านความอ่อนล้าทางอารมณ์ และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการลดค่าความเป็นบุคคล</li> <li>แนวทางการป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงานของผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาแพร่ เขต 1 พบว่า ผู้บริหารสถานศึกษาควรประชุมร่วมกับผู้ปกครอง ชุมชน และคณะกรรมการสถานศึกษาเพื่อนำเสนอนโยบายและสร้างความเข้าใจ มีการสื่อสารอย่างชัดเจนกับครูผู้สอนในการร่วมกันกำหนดเป้าหมายและการทำงานอย่างเป็นระบบ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาควรทำหน้าที่ส่งเสริม กำกับ และติดตามการบริหารงานที่มอบหมายอย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจเชิงบวกผ่านการสนับสนุนงบประมาณ การยกย่องชื่นชม </li> </ol> ราเชน สุตาต๊ะ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 31 46 การพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายในชีวิตประจำวัน ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐานร่วมกับเทคนิคคำถาม R-C-A ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1580 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาความสามารถในการคิดแก้ปัญหาและผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง กฎหมายในชีวิตประจำวัน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/3 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยขอนแก่น ฝ่ายมัธยมศึกษา (ศึกษาศาสตร์) ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2567 ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐานร่วมกับเทคนิคคำถาม R-C-A โดยนักเรียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 มีคะแนนผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 70 ขึ้นไป กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 36 คน ได้จากการเลือกแบบเจาะจง ดำเนินการวิจัยโดยใช้รูปแบบการวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ซึ่งมีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ดังนี้ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปรากฏการณ์เป็นฐาน ร่วมกับเทคนิคคําถาม R-C-A จำนวน 6 แผนการจัดการเรียนรู้ 2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการคิดแก้ปัญหา 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ โดยใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ยและร้อยละ วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ด้วยการวิเคราะห์เนื้อหาแล้วสรุปเป็นความเรียง ผลการวิจัยพบว่า นักเรียนมีความสามารถในการคิดแก้ปัญหาผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คิดเป็นร้อยละ 73.04 และมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ คิดเป็นร้อยละ 76.30 สะท้อนให้เห็นว่า การจัดการเรียนรู้แบบปรากฏการณ์เป็นฐานร่วมกับเทคนิคคำถาม R-C-A ส่งเสริมให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิดอย่างมีส่วนร่วมในฐานะพลเมืองโลก ผ่านการวิเคราะห์ปัญหา สืบค้นองค์ความรู้ นำเสนอแนวทางแก้ปัญหาอย่างหลากหลาย ตลอดจนส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพิ่มสูงขึ้น</p> ภูมินทร์ เกณสาคู ณฐมน สุธนเกียรติกานต์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 47 61 ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1592 <p> การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย 2) ศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน 3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียนกับการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน และ 4) สร้างสมการพยากรณ์ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน กลุ่มตัวอย่างได้แก่ ผู้บริหารและครูในโรงเรียน จำนวน 305 คน โดยผู้บริหารโรงเรียนได้มาโดยการเลือกแบบเฉพาะเจาะจง จำนวน 27 คน และครูได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งชั้นตามสหวิทยาเขตโรงเรียน จำนวน 278 เครื่องมือการวิจัยคือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการวิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียรสัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบปกติ ผลการวิจัยพบว่า</p> <ol> <li>ระดับการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย ในภาพรวม อยู่ในระดับมาก</li> <li>ระดับปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย ในภาพรวมอยู่ในระดับ มาก</li> <li>ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัยพบว่า มีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์อยู่ระหว่าง 0.783 – 0.842</li> <li>ผลการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณแบบปกติของปัจจัยที่ส่งผลต่อการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย อย่างมีระดับนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จำนวน 2 ตัว ได้แก่ ปัจจัยด้านภาวะผู้นำยุคดิจิทัล (X<sub>1</sub>) ปัจจัยด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ (X<sub>2</sub>) ส่งผลต่อการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาสุโขทัย เขียนสมการได้ดังนี้</li> </ol> <p>สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนดิบ = 0.390 + 0.377 (X<sub>1</sub>) + 0.495 (X<sub>2</sub>)</p> <p>สมการพยากรณ์ในรูปคะแนนมาตรฐาน = 0.346 (X<sub>1</sub>) + 0.503 (X<sub>2</sub>)</p> ชมพูนุท ครุฑหลวง สถิรพร เชาวน์ชัย ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 62 77 Smart Finance: Leveraging Artificial Intelligence for Sustainable and Equitable Budget Management in Schools https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1928 <p>This conceptual article examines the integration of artificial intelligence (AI) in school budget management and introduces the AI-Enhanced Budget Cycle Framework (AIBCF) - a six-phase model designed to support financial sustainability, operational efficiency, and equitable resource allocation in educational settings. Drawing on current literature and real-world applications, the paper identifies key AI tools such as machine learning, predictive analytics, and fuzzy logic that enhance each stage of the budgeting process. Key findings include the development of the AIBCF framework, which systematically applies AI technologies to needs assessment, planning, allocation, execution, monitoring, and feedback. Conceptual contributions highlight how AI transforms traditional budgeting from reactive to proactive systems, promoting transparency and data-driven decision-making. This study offers a novel integrative model to guide future research and implementation in educational financial management.</p> Prakapat Phumphuang Tatchtacha Panyarat ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 78 94 การเสริมสร้างสมรรถนะของครูในการใช้ทักษะ “จิต 5 ลักษณะเพื่ออนาคต” https://so11.tci-thaijo.org/index.php/IAEM/article/view/1927 <p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ เสริมสร้างสมรรถนะของครูในการใช้ทักษะ “จิต 5 ลักษณะเพื่ออนาคต” และ ศึกษาระดับความพึงพอใจของครูที่เข้าร่วมการอบรม รูปแบบการวิจัยเป็นแบบกึ่งทดลอง (Quasi-experimental design) กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ครูจำนวน 200 คน ที่สมัครเข้าร่วมอบรมตามหลักสูตรที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษโดยใช้กิจกรรมการเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์และการสะท้อนคิดอย่างมีเป้าหมาย เครื่องมือวิจัย ได้แก่ แบบประเมินสมรรถนะ และแบบสอบถามความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าขนาดของผล (Effect Size) ตามดัชนีของ Cohen’s d</p> <p>ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้. 1. ครูมีสมรรถนะในด้านจิต 5 ลักษณะเพิ่มขึ้นหลังการอบรม โดยคะแนนเฉลี่ยสมรรถนะรวมก่อนอบรมเท่ากับ 2.50 (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.22) และหลังอบรมเท่ากับ 4.19 (ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน = 0.44) โดยจิตแห่งจริยธรรมมีพัฒนาการสูงสุด (d = 1.95) รองลงมาคือจิตแห่งความเคารพ (d = 1.87) และจิตแห่งวิทยาการ (d = 1.66) ตามลำดับ 2. ความพึงพอใจต่อการอบรมในภาพรวมอยู่ในระดับมาก โดยเฉพาะด้านเนื้อหาและการนำไปใช้</p> <p>ผลการวิจัยสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการอบรมที่สามารถส่งเสริมสมรรถนะเชิงจิตของครูได้อย่างมีระบบ สอดคล้องกับแนวคิดของ Gardner (2006) ที่เน้นการพัฒนาทักษะทางจิตผ่านกระบวนการเรียนรู้ และแนวคิดของ Guskey (2002) ที่เสนอว่าการอบรมครูต้องออกแบบให้เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจนและต่อเนื่องในพฤติกรรมการสอน</p> วรากร ทรัพย์วิระปกรณ์ ทรงวุฒิ อยู่เอี่ยม ศศินันท์ ศิริธาดากุลพัฒน์ ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารนวัตกรรมการบริหารและการจัดการศึกษา https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0 2025-08-29 2025-08-29 3 2 95 111