วิเคราะห์การปรับตัวของหนังตะลุงในยุคแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง
คำสำคัญ:
หนังตะลุง, แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง, ศิลปะการแสดงพื้นบ้าน, การปรับตัว, เทคโนโลยีดิจิทัลบทคัดย่อ
บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ถึงการปรับตัวของหนังตะลุง ซึ่งเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของภาคใต้ในประเทศไทย ภายใต้กระแสความนิยมของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน ผู้วิจัยใช้วิธีการศึกษาเชิงคุณภาพ โดยการวิเคราะห์เนื้อหาจากการสัมภาษณ์ผู้ที่เกี่ยวข้องในวงการหนังตะลุง และข้อมูลงานวิจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ผลการศึกษาพบว่า หนังตะลุงสามารถปรับตัวเข้ากับยุคสมัยได้หลายรูปแบบ ทั้งการปรับเนื้อหาให้ทันสมัย การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการผลิตและเผยแพร่ผลงาน รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ชมผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายหลายประการที่ต้องเผชิญ เช่น การขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ การแข่งขันที่สูงขึ้น การคุ้มครองลิขสิทธิ์ เป็นต้น บทความนี้สะท้อนให้เห็นว่า ศิลปะการแสดงพื้นบ้านแม้จะมีอายุยาวนาน แต่ก็สามารถปรับตัวให้อยู่รอดได้ในยุคดิจิทัล หากผู้ที่เกี่ยวข้องเปิดใจยอมรับการเปลี่ยนแปลง พร้อมนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ หนังตะลุงก็จะสามารถสืบสานต่อไปได้ไม่สูญหายไปจากสังคมไทย
References
เกษม เรืองรัตน์. (2540). วัฒนธรรมการแสดงและดนตรีพื้นบ้าน. สำนักพิมพ์โอเดียนสโตร์.
กาญจนา แก้วเทพ. (2547). การพัฒนาแบบมีส่วนร่วม: แนวคิด เทคนิค และกรณีตัวอย่าง. สำนักพิมพ์อัมรินทร์.
จุฑารัตน์ เอื้ออำนวย. (2557). บทบาทของสื่อพื้นบ้านในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม. สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าคุณทหารลาดกระบัง.
ชานนท์ ศรีสุวรรณนนท์. (2562). การพัฒนาหนังตะลุงในยุคดิจิทัล. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ณัฐวุฒิ พิเศษสุข. (2564). ศิลปะการแสดงหนังตะลุงกับการพัฒนาท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์. พัทลุง: มหาวิทยาลัยทักษิณ.
ดิษยนันท์ ชุมพิบูลย์. (2560). การรับรู้และการเรียนรู้หนังตะลุงของเยาวชนในอำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช. วารสารวิชาการศรีปทุมชลบุรี, 16(1), 173-183.
พิสิฐ เจริญวงศ์. (2553). ศิลปะการละเล่นพื้นบ้านภาคใต้. สำนักพิมพ์ Museum Press.
สวัสดิ์ เหล็กสมบูรณ์. (2559). หนังตะลุงสายใต้: วิวัฒนาการและอนาคต. สำนักพิมพ์สุขภาพใจ.
อรรถพล ธรรมวสุ. (2558). เทคโนโลยีสารสนเทศกับการอนุรักษ์และสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น: กรณีศึกษาหนังตะลุง จังหวัดพัทลุง. วารสารสารสนเทศ, 14(2), 61-70.