การดำรงอยู่ของพิธีกรรมชาติพันธุ์ไททรงดำในบริบทการเปลี่ยนแปลงทางสังคม : กรณีศึกษาหมู่บ้านเนินหว้า อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระหว่างปีพ.ศ. 2540–2560

ผู้แต่ง

  • วศิน ปัญญาวุธตระกูล คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
  • รุจีรา พานโคกสูง คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

DOI:

https://doi.org/10.64186/jsp2806

คำสำคัญ:

ชาติพันธุ์ , ไททรงดำ , พิธีกรรม, การดำรงอยู่ , การเปลี่ยนแปลงทางสังคม

บทคัดย่อ

      บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาพิธีกรรมชาติพันธุ์ไททรงดำที่ดำรงอยู่ในหมู่บ้านเนินหว้า อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ในบริบทการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ระหว่างปี พ.ศ. 2540–2560 และ 2) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพิธีกรรมดังกล่าว กลุ่มผู้ให้ข้อมูลหลักคัดเลือกแบบเฉพาะเจาะจง (Purposive Sampling) จำนวน 5 คน ประกอบด้วย ผู้นำชุมชน ผู้นำในการประกอบพิธีกรรม ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐ นักประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และตัวแทนคนรุ่นใหม่ในชุมชน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือการสัมภาษณ์เชิงลึกด้วยวิธีการทางประวัติศาสตร์บอกเล่า (Oral History) และนำเสนอผลการวิจัยด้วยวิธีการพรรณนาวิเคราะห์ (Analytical Description)

ผลการวิจัยพบว่า ในช่วงปี พ.ศ. 2540–2560 พิธีกรรมของชาวไททรงดำบ้านเนินหว้าเผชิญความเปลี่ยนแปลงทางสังคม เริ่มจากการย้ายถิ่นของแรงงานเข้าเมืองทำให้ขาดผู้สืบทอด ต่อมาเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งปี 2540 แรงงานคืนถิ่นแต่มาพร้อมกับวิถีชีวิตแบบเมืองที่ห่างเหินจากความเชื่อเดิม และช่วงปี 2550 เทคโนโลยีและระบบการศึกษาทำให้เยาวชนสนใจกิจกรรมใหม่ อย่างไรก็ตาม พบว่ามี 5 พิธีกรรมสำคัญที่สามารถปรับตัวและดำรงอยู่ได้ ได้แก่ 1) พิธีกรรมเสนเฮือน 2) พิธีปาดตง 3) พิธีกรรมงานศพ 4) พิธีกรรมงานแต่ง และ 5) พิธีกรรมขึ้นบ้านใหม่ โดยมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพิธีกรรม 2 ปัจจัย ได้แก่ 1) ปัจจัยภายใน คือ การปลูกฝังความเชื่อและค่านิยมผ่านระบบเครือญาติ หน้าที่และความรับผิดชอบต่อผีบรรพบุรุษร่วมกัน บทบาทของผู้ประกอบพิธีกรรม และการปรับเปลี่ยนรายละเอียดพิธีกรรมให้เข้ากับยุคสมัย และ 2) ปัจจัยภายนอก คือ การส่งเสริมจากระบบการศึกษาและภาครัฐ อิทธิพลของเทคโนโลยี ผลกระทบทางเศรษฐกิจ และบทบาทของคนรุ่นใหม่ในการสร้างเครือข่ายเพื่อการอนุรักษ์วัฒนธรรมไททรงดำ

ประวัติผู้แต่ง

วศิน ปัญญาวุธตระกูล, คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ตำแหน่งทางวิชาการ
รองศาสตราจารย์ ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

ประวัติการศึกษา
• ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พัฒนาสังคม), มหาวิทยาลัยนเรศวร
• อักษรศาสตรมหาบัณฑิต (ประวัติศาสตร์), จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• ศิลปศาสตรบัณฑิต (ประวัติศาสตร์เพื่อการท่องเที่ยว), มหาวิทยาลัยนเรศวร

ความเชี่ยวชาญทางวิชาการ
• การพัฒนาสังคมและชุมชน
• ประวัติศาสตร์ไทยและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
• การจัดการการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม
• อารยธรรมลุ่มน้ำโขง–สาละวิน
• การพัฒนาเมืองและการจัดการมรดกทางวัฒนธรรม

ประสบการณ์ทางวิชาการและงานวิจัย
รศ. ดร.วศิน ปัญญาวุธตระกูล เป็นนักวิชาการผู้มีความเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และการพัฒนาสังคม โดยมุ่งเน้นศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานชุมชน ผ่านมิติของการท่องเที่ยวและมรดกวัฒนธรรมในภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทย

มีผลงานวิจัยจำนวนมากที่ได้รับทุนสนับสนุนจากหน่วยงานระดับชาติ เช่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)
ผลงานวิจัยที่โดดเด่น อาทิเช่น
• “การจัดการการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมในจังหวัดอุตรดิตถ์ แพร่ น่าน” (2558)
• “การพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงกลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และเวียดนาม เพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง” (อยู่ระหว่างดำเนินการ)
• “การพัฒนารูปแบบและผลิตภัณฑ์ทางการท่องเที่ยวในจังหวัดพิษณุโลกเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวในกลุ่มอาเซียน” (2558)

นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการพัฒนาแผนยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับจังหวัด และเป็นที่ปรึกษาทางวิชาการให้กับหน่วยงานราชการ องค์กรท้องถิ่น และกองทัพภาคที่ 3

ผลงานทางวิชาการที่สำคัญ
• วศิน ปัญญาวุธตระกูล และอภิสิทธิ์ ปานอิน. (2559). สีสันแห่งชีวิตของคนถีบสามล้อเมืองพิษณุโลก. พิษณุโลก: รัตนสุวรรณการพิมพ์.
• Panyavuttrakul, W., & Tinakhat, P. (2559). “Arts and Cultural Based Tourism Management in Uttaradit, Phrae and Nan Provinces.” Khong–Salawin Civilization Journal, 7(1), 115–136.
• วศิน ปัญญาวุธตระกูล. (2558). “มะยุรี เหง้าสีวัฒน์: การนิยามความเป็นลาวในประชาคมโลก.” ชุมทางอินโดจีน: เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปริทัศน์, 4(7), 457–473.
• หนังสือชุด 7 ตำนานสมเด็จพระบูรพกษัตริย์แห่งสยาม (สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี, 2558).

เกียรติคุณและรางวัล
• บุคลากรดีเด่นด้านการวิจัย (สายวิชาการ), คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2558
• ผู้ทำคุณประโยชน์ต่อกระทรวงวัฒนธรรม ด้านศิลปะสาขาโบราณคดี, กระทรวงวัฒนธรรม, 2558
• ศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2558
• อาจารย์ผู้อุทิศตนเพื่อสังคม, คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร, 2557

เอกสารอ้างอิง

Chenayothin, C. (2008). Thai Song community of Don Sai, Nakhon Pathom Province: The study of economic development, A.D. 1961–2006 (Master’s thesis, Silpakorn University). Silpakorn University Repository.

https://sure.su.ac.th/xmlui/handle/123456789/11672?attempt=2&&locale-attribute=en

Committee of the Thai Zong Club. (1980). San Phuthai: Commemorating the 2nd Thai Song Unity Event, 6 April 1980. The Thai Zong Club.

http://www.snc.lib.su.ac.th/libmedia/west/westbk/w-pamphlet/Lao-Song.pdf

Keawkhum, P. (2003). Cultural changes in community and life crisis rituals: A case study of Lao Song community, Suphan Buri Province (Master’s thesis, Chulalongkorn University). ThaiLIS.

https://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&browse_type=title&titleid=441981

Kitboonchu, L. (2002). Aging and status and role of elderly Song people: A case study of Ban Naenwa, Kongkailad district, Sukhothai Province (Master’s thesis, Silpakorn University). ThaiLIS.

https://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&browse_type=title&titleid=228981

Naichit, J. (2007). A study of customs related to ways of life of Laosong, Tambon Donka, Amphoe Bangpae, Changwat Ratchaburi (Master’s thesis, Ramkhamhaeng University). National Research Council of Thailand (NRCT).

https://dric.nrct.go.th/Search/SearhDetail/199648

Simaksuk, K., & Boongird, B. (2016). An analysis of the factors of existence and change on beliefs in Tai Song Dam people’s rites: A case study in the area of Nong Prong Sub-district, Khaoyai district, Phetchaburi Province. Academic Journal of Humanities and Social Sciences Burapha University, 24(44).

https://so06.tci-thaijo.org/index.php/husojournal/issue/view/5371

Suobsuk, R., Yodkaew, S., & Settawat, R. (1980). The verbal folk literatures of Thai Song Dam, Amphur Khao Yoi, Changwat Phetchaburi (Research report, Phetchaburi Rajabhat University). ThaiLIS.

https://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&browse_type=title&titleid=10442

Thaiphosri, W. (2010). Adaptation and continuity of Lao Song community: A case study of Ban Kao Rad in Bang Len district of Nakhon Pathom Province (Master’s thesis, Silpakorn University). ThaiLIS.

https://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&browse_type=title&titleid=290639

Thongsakol, J. (2010). The existence of Thai Dam ethnic identities in Ban Huathanon, Tambon Don Phutchar, Amphoe Don Tum, Changwat Nakhon Pathom (Master’s thesis, Silpakorn University). ThaiLIS.

https://tdc.thailis.or.th/tdc/browse.php?option=show&browse_type=title&titleid=281658

Wisutruangdet, W. (2021). A study of Tai Song Dam culture: The dynamics of Tai Song Dam in Ban Don Sub-district, U Thong District, Suphan Buri Province. Journal of Cultural Approach, 20(2), 49. Office of Art and Culture, Bansomdejchaopraya Rajabhat University.

https://culture.bsru.ac.th/ทีทัศน์-20-ฉบับ-2/

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

07-12-2025

รูปแบบการอ้างอิง

ปัญญาวุธตระกูล ว., & พานโคกสูง ร. (2025). การดำรงอยู่ของพิธีกรรมชาติพันธุ์ไททรงดำในบริบทการเปลี่ยนแปลงทางสังคม : กรณีศึกษาหมู่บ้านเนินหว้า อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย ระหว่างปีพ.ศ. 2540–2560. วารสารสังคมศึกษาปริทรรศน์, 2(1), 15 หน้า. https://doi.org/10.64186/jsp2806