การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (SEL)ต่อการปรับตัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เพื่อรองรับสังคมแห่งการเรียนรู้ จังหวัดเชียงราย
DOI:
https://doi.org/10.64186/jsp2499คำสำคัญ:
กระบวนการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ , การปรับตัว , เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์บทคัดย่อ
บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษากระบวนการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ (SEL) และการปรับตัวในยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อรองรับสังคมแห่งการเรียนรู้ จังหวัดเชียงราย และ 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ (SEL) ต่อการปรับตัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อรองรับสังคมแห่งการเรียนรู้ จังหวัดเชียงราย เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ได้ศึกษาแนวคิด
การเรียนรู้ด้านสังคมและอารมณ์ และการปรับตัวของบุคคลเป็นกรอบการวิจัย กลุ่มตัวอย่างคือนักเรียนที่ศึกษาอยู่ในโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย จำนวน 400 คน คำนวณสัดส่วนของกลุ่มตัวอย่างจากสูตรทาโร่ ยามาเน่ และกลุ่มตัวอย่างผู้เข้าร่วมกิจกรรมเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่มีระดับคะแนนแบบวัดกระบวนการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (SEL) และการปรับตัวในยุคเทคโนลียีปัญญาประดิษฐ์ ระดับต่ำและระดับปานกลาง จำนวน 60 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย มี 3 ชนิด คือ 1) แบบวัดกระบวนการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (SEL) 2) แบบวัดการปรับตัวในยุคเทคโนลียีปัญญาประดิษฐ์ และ3) รูปแบบกระบวนการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (SEL) วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า
- นักเรียนมีกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ (SEL) และมีการปรับตัวในยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ อยู่ในระดับปานกลาง
- รูปแบบกิจกรรมการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ (SEL) ต่อการปรับตัว
ของนักเรียนที่พัฒนาขึ้นมี 5 กิจกรรม ได้แก่ 1) กิจกรรมการตระหนักรู้ในตนเอง “กระจกสะท้อนใจ เข้าใจตัวตน” 2) กิจกรรมการจัดการตนเอง “ลิขิตเป้าหมาย ก้าวไปด้วยใจมั่น” 3) กิจกรรมการตระหนักรู้ในสังคม “ฉันกับเรา เข้าใจสังคมรอบตัว” 4) กิจกรรมทักษะด้านความสัมพันธ์ “ฟังกันและกัน ผูกพันด้วยความเข้าใจ” และ 5) กิจกรรมตัดสินใจอย่างมีความรับผิดชอบ “คิดก่อนทำ รับผิดชอบต่อผลลัพธ์” โดยใช้เวลากิจกรรมละ 2 ชั่วโมง ภายหลังนักเรียนได้เข้าร่วมกิจกรรม พบว่า มีระดับกระบวนการเรียนรู้ทางอารมณ์และสังคม (SEL) การปรับตัวในยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์สูงขึ้น
องค์ความรู้จากงานวิจัยนี้คือการเสริมสร้างกระบวนการเรียนรู้ทางสังคมและอารมณ์ (SEL) เพื่อการปรับตัวของนักเรียนในยุคเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ รูปแบบกิจกรรมที่นำเสนอสามารถนำไปเป็นแนวทาง
ในการประยุกต์ใช้ในโรงเรียนเพื่อพัฒนาทักษะชีวิตและการเรียนรู้ในสังคมแห่งการเรียนรู้ ทั้งยังเป็นข้อมูลสำหรับครู ผู้บริหาร และหน่วยงานการศึกษาในการวางแผนพัฒนาผู้เรียนอย่างเหมาะสม
เอกสารอ้างอิง
Chomya, R. (2018). Development of a training program based on experiential learning to enhance social and emotional learning for lower secondary school students (in Thai). Ratchaphruek Journal of Humanities and Social Sciences, 13(1), 1–15.
Chusangnin, C. (2019). Artificial intelligence for learning. Institute for the Promotion of Teaching Science and Technology (IPST). Retrieved March 10, 2024, from https://www.scimath.org/article-technology/item/10110-ai-10110
Elias, M. J., Nayman, S. J., Duffell, J. C., & Kim, S. A. (2017). Madam Secretary, help us improve social-emotional learning. Phi Delta Kappan, 98(8), 64–69.
Kamphiranon, S. (2019). AI: Future technology of Thailand (in Thai). Academic Affairs, Secretariat of the Senate, 9(5), 1–10.
Office of the Education Council, Ministry of Education. (2017). National education plan (in Thai). Bangkok: Prikwan Graphic Co., Ltd.
Sakulsriphath, S. (2018). Social and emotional learning according to CASEL framework of lower secondary school students under the Office of the Basic Education Commission (in Thai). Srinakharinwirot Research and Development Journal (Humanities and Social Sciences), 10(20), 1–15.
Srisawat, K. (2024). When education meets AI: Aspects Thai education must prepare for (in Thai). Equitable Education Fund (EEF) & The 101 World.
Thientheerathamasombat, S. (2022). Development of a learning management model to promote social and emotional learning for secondary school students (in Thai) [Doctoral dissertation, Mahasarakham University].
Wongratana, C. (2015). Research proposal writing techniques: Guidelines to success (3rd ed., rev. ed.). Bangkok: Aromkarn Printing.
Weissberg, R. P., & Cascarino, J. (2013). Academic learning + social-emotional learning = national priority. Phi Delta Kappan, 95(2), 8–13.
เผยแพร่แล้ว
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
หมวดหมู่
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 วารสารสังคมศึกษาปริทรรศน์

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร