การตีความปฏิจจสมุปบาทสู่วิถีรู้แจ้งของนาคารชุน
Main Article Content
บทคัดย่อ
พระนาคารชุนได้นำหลักทางสายกลางคือ ปฏิจจสมุปบาท มาเป็นเครื่องมือในการหยุดไหลตาม สังสารแห่งความคิด (สังขตะ) เพื่อเข้าสู่ความเป็นปรมัตถ์ ซึ่งถือว่าเป็นที่สุดของการรู้แจ้งธรรม ตามหลักปฏิจจสมุปบาทเป็นการอธิบายโลกสมมติซึ่งปกปิดด้วยภาษาสมมติเรียกชื่อต่าง ๆ ซึ่งเป็นตัวสังขารคือความคิด ปรุงแต่ง โดยภาษาสมมติอิงภาพเขียนหรือจินตภาพภาษา เป้าหมายคือการนำจิตไปสู่การรู้สภาวะปรมัตถ์อย่างถูกต้องในฐานะที่เป็นจริงสูงสุด การบรรลุด้วยการรู้แจ้งความจริงนี้เป็นเรื่องของจิตที่รู้ตัวและดำรงอยู่กับความว่าง และมองโลกแห่งปรากฏการณ์อย่างที่มันเป็น ซึ่งถือเป็นการพัฒนาจิตถึงซึ่งนิพพาน (คือความสิ้นสุดของสังขตะ) ทำให้หลักปรัชญาของพระนาคารชุนตั้งอยู่บนพื้นฐานของญาณวิทยาบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวข้องกับการภววาทหรือการปฏิบัติใด ๆ การกระทำทุกอย่างล้วนมาจากความคิด การรู้แจ้งความจริงแท้บริสุทธิ์คือความจริงปรมัตถ์ (ศูนยตา) จึงเป็นที่สุดของการหมดความสงสัย อยู่เหนือกิเลสทั้งหลาย เมื่อรู้แจ้งความจริงเหนือสมมติจึงดำรงอยู่ในโลกสมมติ ไม่แยกจากสมมติ และยังใช้ภาษาและโลกสมมติเพื่อนำไปสู่การรู้แจ้งความเป็นจริง เข้าถึงหรือประสบการณ์กับความว่างแห่งความว่าง ก่อให้เกิดวัฒนธรรมทางปรัชญาแบบเอกภาพ (Unity) หรือความเป็นจริงหนึ่งเดียวแห่งพหุภาพทั้งหลาย และส่งผลให้เกิดนวัตกรรมทางด้านการพัฒนาจิต ให้เข้าสู่ความเป็นพุทธะด้วยเครื่องมือคือ ญาณวิทยาบริสุทธิ์ ผ่านวิธีการวิภาษวิธี ซึ่งเป็นการวิภาษในสามระดับคือ วิภาษกับคนอื่น (อารมณ์ภายนอก) วิภาษกับความคิดของตนเอง และวิภาษกับกิเลสคือความหลง ในเชิงสุนทรียะ ความรู้ที่สมบูรณ์ของปฏิจจสมุปาทะปรากฏ ให้เห็นในรูปของมลฑล ภาษาสัญลักษณ์แฝงในงานพุทธศิลป์ทุกสาขา ซึ่งเป็นมรดกทางจิตวิญญาณหนึ่งที่โดดเด่นของพระพุทธศาสนา
Article Details

This work is licensed under a Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ก่อนเท่านั้น
References
มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. 2535.
จำนงค์ ทองประเสริฐ. บ่อเกิดลัทธิประเพณีอินเดีย เล่ม 1 ภาค 1-4. กรุงเทพมหานคร: สำนักพิมพ์ราชบัณฑิตยสถาน. 2540.
ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ บัฏเสน. พระพุทธศาสนาแบบธิเบต. กรุงเทพมหานคร: ศูนย์ไทยธิเบต. 2538.
วัชระ งามจิตรเจริญ. สมการความว่าง. นนทบุรี: สำนักพิมพ์กรีน ปัญญาญาณ. 2554.
สุวิญ รักสัตย์. พระพุทธศาสนามหายาน. กรุงเทพมหานคร: ห้างหุ้นส่วนบางกอกบล็อก. 2555.
อดิศักดิ์ ทองบุญ. ปรัชญาอินเดีย พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ราชบัณฑิตยสถาน. 2532.
ธัญวัฒน์ โพธิศิริ. ชีวิตและผลงานของนักปราชญ์พุทธ. มหาสารคาม: สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม. 2549.
Anderson, Reb. The Third Turning of the Wheel: Wisdom of the Samdhinirmocana sutra (1st ed.). Berkeley, Calif.: Rodmell Press. 2012.
Garfield, J. L. Empty words, Buddhist Philosophy and Cross-Cultural Interpretation,
(Oxford University Press. 2002.
Nagarjuna. Nagarjuna’s Middle Way: Mulamadhyamikakarika. Trans.by Mark Siderits and Shoryu Katsura, Wisdom Pub.2013.
Siderits, Mark; Katsura, Shoryu. Nagarjuna's Middle Way: Mulamadhyamakakarika (Classics of Indian Buddhism). New Delhi: Wisdom Publications.2013.
Walleser, M., The Life of Nagarjuna from Tibetan and Chinese Sources, Madras: Nag Publishers, 1979:, Asian Education Services,1990.
Garfield, Jay L. (1994), "Dependent Arising and the Emptiness of Emptiness: Why Did
Nāgārjuna Start with Causation?", Philosophy East & West, 44 (2), doi:
2307/1399593, JSTOR 1399593.
Robinson, Richard H. 'Some Logical Aspects of Nagarjuna's System'. Philosophy East & West. Volume 6, no. IV (October 1957). University of Hawaii Press.
Thanissaro Bhikkhu (1997). SN 12.15 Kaccayanagotta Sutta: To Kaccayana Gotta (online) http://www.accesstoinsight.org/tipitaka/sn/sn12/sn12.01.than.html. (15 กันยายน 2564)