วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS
<p><strong>วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ </strong>วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์รับตีพิมพ์บทความทางวิชาการและบทความวิจัยในสาขาที่เกี่ยวกับการสนับสนุนการศึกษา เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา มนุษย์วิทยา ศาสนาศึกษา และพุทธศาสนาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือการประยุกต์พุทธศาสนากับสาขาวิชาอื่น เช่น เศรษฐศาสตร์ การบริหารสังคม สิ่งแวดล้อม และการศึกษา บทความทั้งหมดจะต้องเกี่ยวข้องกับการศึกษาการสอนและการวิจัยของพุทธศาสนา</p>
มูลนิธิพระศรีสุทธิเวที (ขวัญ ถิรมโน)
th-TH
วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
3057-0522
<p> เนื้อหาและข้อมูลในบทความที่ลงตีพิมพ์ในวารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ถือเป็นข้อคิดเห็นและความรับผิดชอบของผู้เขียนบทความโดยตรงซึ่งกองบรรณาธิการวารสาร ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย หรือร่วมรับผิดชอบใด ๆ บทความ ข้อมูล เนื้อหา รูปภาพ ฯลฯ ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ถือเป็นลิขสิทธิ์ของวารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์หากบุคคลหรือหน่วยงานใดต้องการนำทั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใดไปเผยแพร่ต่อหรือเพื่อกระทำการใด ๆ จะต้องได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษรจากวารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ก่อนเท่านั้น </p>
-
พุทธทัศนะต่อผลกระทบของการดื่มสุรา
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/964
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า สุราเป็นสิ่งที่ให้โทษต่อสุขภาพร่างกายและเป็นพิษภัยต่อสังคมอย่างมหันต์ กล่าวคือเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะทำให้เกิดการเสียสติ ขาดการควบคุมตนเอง เป็นเหตุก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและการกระทำความผิดต่าง ๆ สุรา เป็นเครื่องดื่มที่มีสารเอทิลแอลกอฮอล์ที่สำคัญและมีฤทธิ์ที่ให้ผลต่อระบบของประสาท เพราะว่าจะไปกดระบบประสาทส่วนกลางของร่างกาย ดังนั้นผู้ที่ดื่มสุราในปริมาณที่เพียงพอหรือไม่มากเกินควร ย่อมจะทำให้ร่างกายเกิดความรู้สึกของการผ่อนคลาย แต่ถ้าเมื่อใดที่ดื่มอย่างหนักจะมีผลไปกดสมองและประสาทส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยโทษของการดื่มสุรานั้นมีตั้งแต่ขั้นเบาไปจนถึงขั้นรุนแรง คือทำให้เสียสภาพของการทรงตัว การพูดการจาไม่ชัดเจน หรือกระทั่งสุดท้ายทำให้เกิดการหมดสติได้ในที่สุด และการเสียจริตย่อมก่อให้เกิดความประมาทพลาดพลั้งกับชีวิตของตนเองและสามารถที่จะทำอันตรายให้เกิดแก่บุคคลอื่นได้โดยไร้สติ และยังเป็นโทษที่ส่งผลชาตินี้แล้ว ยังส่งผลวิบากข้ามภพข้ามชาติ แม้แต่เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะช่วยได้ ยังเป็นหนทางแห่งความเสื่อมโภคทรัพย์ จากสมบัติที่พึงได้ในปรโลก จากนิพพานสมบัติ ฉะนั้นการดื่มสุรานั้นจึงเป็นบ่อเกิดของความประมาท ซึ่งเปรียบเสมือนผู้ที่ตายไปแล้ว คือผู้นั้นได้ตายจากกุศลความดีทั้งหลายทั้งปวง</p>
ณรงค์ เทียนเจริญ
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-26
2024-12-26
2 2
28
45
-
คุณค่าศรัทธาต่อการพัฒนาชีวิต
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/1108
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่าศรัทธาในพระพุทธศาสนามีความจำเป็นมากต่อการดำรงชีวิตของชาวพุทธ สอนให้บุคคลละความชั่วประพฤติความดี ศาสนิกชนของทุกศาสนาต้องมีหลักความเชื่อเป็นพื้นฐาน ศรัทธา หรือ ความเชื่อ เป็นการแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ออกมาด้วยความมั่นใจ บุคคลมีศรัทธาจะให้ความสนใจ กฎเกณฑ์ หลักธรรมของศาสนานั้น ๆ อย่างมีเหตุมีผล ใช้ปัญญาในการพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการดำรงชีวิต อย่างมีประสิทธิภาพอันก่อให้เกิดประสิทธิผลทั้งต่อตนเองและส่วนรวม พระพุทธศาสนาสอนให้เชื่อเรื่อง บุญ-บาป เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด เชื่อเรื่องอนิจจัง เชื่อเรื่องการไม่จองเวร เชื่อเรื่องคนเราเกิดมาเท่าเทียมกัน แต่ปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้นับถือพุทธศาสนาไม่สามารถเข้าใจคำสอนเรื่องความศรัทธาตามหลักพุทธศาสนา คือชาวพุทธส่วนใหญ่มักจะเข้าใจกันว่าพระพุทธเจ้าสอนให้เชื่อในคำสอนของพระองค์โดยไม่ต้องลังเลสงสัย และเชื่อกันว่าคำสอนที่บันทึกอยู่ในตำราพระไตรปิฎกทั้งหมดนั้นเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธเจ้า ซึ่งนี่เป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง แต่ศรัทธาตามคำสอนของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่การบังคับให้เชื่อแบบขาดเหตุผล จึงทำให้ชาวพุทธตระหนักถึงความสำคัญเลื่อมใสศรัทธา ศรัทธาของชาวพุทธมี ๔ อย่าง คือ กัมมศรัทธา คือ เชื่อกรรม เชื่อกฎแห่งกรรมเชื่อว่ากรรมมีอยู่จริง วิปากศรัทธา คือเชื่อวิบาก เชื่อผลของกรรม เชื่อว่าผลของกรรมมีจริง กัมมัสสกตาศรัทธาคือเชื่อความที่สัตว์มีกรรมเป็นของตน เชื่อว่าแต่ละคนเป็นเจ้าของจะต้องรับผิดชอบเสวยวิบากเป็นไปตามกรรมของตน และตถาคตโพธิศรัทธาคือเชื่อความตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า</p>
ธีร์ธวัช ภูมิประมาณ
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-26
2024-12-26
2 2
45
65
-
คุณค่าของเมตตาพรหมวิหารในการดำเนินชีวิต
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/966
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมตตาเป็นหลักธรรมที่สำคัญต่อความสงบสุขและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกัน หลักพรหมวิหารข้อแรก คือ เมตตาแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาความสุข ความรักใคร่ การไม่เบียดเบียนผู้อื่น จิตใจมีความสุข ไม่เห็นแก่ได้ ความไม่พยาบาท อยากให้ผู้อื่นมีความสุข เป็นกุศลมูล เมตตาที่ถูกต้องแสดงออกจากจิตใจที่อ่อนละมุน เป็นใจที่สงบจากความทุกข์ร้อน สงบจากความโลภ ความโกรธ ความหลง แต่ใจที่มีความโลภ ความโกรธ ความหลง ใจที่กำลังทุกข์ร้อนปราศจากเมตตา ตนเองไม่มีความเมตตาเพราะทำให้ใจตนเองร้อน ไม่มีความสุข คนมีเมตตาคนเดียวสามารถทำให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุขได้มากมาย เช่นเดียวกันกับคนไม่ดีคนเดียว ก็สามารถทำให้เกิดความทุกข์ความเดือดร้อนได้มากมาย เมตตาต้องประกอบด้วยปัญญา เพราะปัญญาจะช่วยพิจารณาได้ถูกต้อง ว่าควรเมตตาต่อผู้ใด เมื่อใดเป็นคุณไม่เป็นโทษ เมตตามีคุณค่าต่อครอบครัว ต่อการศึกษา ต่อการทำงาน เมตตาเป็นหลักในการสร้างสรรค์สังคมให้มีความสงบ ปลอดภัยทั้งบุคคลและทรัพย์สิน</p>
พระวินัยธรยุทธนา พึ่งชื่น
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-01-12
2025-01-12
2 2
66
76
-
การเจริญสติปัฏฐาน 4 เพื่อการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/968
<p>การเจริญสติปัฏฐาน 4 เพื่อการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา คือ การมีเพียรพิจารณากำหนดเผากิเลสให้เร่าร้อน (อาตาปี) อบรมปัญญาญาณให้เกิดขึ้น (สัมปชาโน) และประกอบด้วยสติที่ใช้กำหนด (สติมา) ได้แก่ การพิจารณากายานุปัสสนาสติปัฏฐาน การพิจารณาเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน การพิจารณาจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน และการพิจารณาธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน เพื่อความรู้แจ้งรูป-นาม ตามความเป็นจริง ให้รู้แจ้งในความเป็นไตรลักษณ์ว่าเป็นสิ่งไม่เที่ยง (อนิจจัง) เป็นสิ่งที่ทุกข์ (ทุกขัง) และเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน (อนัตตา) ซึ่งเป็นธรรมชาติที่ประกอบกับจิตปรุงแต่งจิต รู้เหตุ รู้ผล รู้ความเป็นจริงของสภาวธรรมทั้งหลาย จนสามารถละความยึดมั่นถือมั่นที่เกิดจากอำนาจของกิเลสทั้งหลายมาครอบงำ เกิดเป็นปัญญาญาณ บรรลุมรรค ผล และพระนิพพาน ได้ในที่สุด</p>
พระใบฎีกาศักดิ์ติชัย สิริมงฺคโล เชื้อทอง
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-01-11
2025-01-11
2 2
77
92
-
อปริหานิยธรรม 7 หลักความสามัคคี
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/962
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า ความสามัคคีตามแนววิถีพุทธเป็นทิศทางการพัฒนาที่อยู่บนพื้นฐานการใช้ชีวิตในปัจจุบัน โดยยึดหลัก“อปริหานิยธรรม ๗ หลักความสามัคคี ” ได้แก่ การประชุมพบปะปรึกษาหารือกันในกิจการงานต่าง ๆ อย่าง สม่ำเสมอ เพื่อแก้ปัญหาในการสื่อสาร แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน ยอมรับในเหตุผลที่ถูกต้อง ที่เป็นประโยชน์สร้างความเข้าใจที่ดีต่อกัน และหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ร่วมกัน การประชุมกันบ่อย ๆ คุยกันบ่อย ๆ นั้น เป็นการระดมมันสมอง รวมความสามารถที่ทุกคนมีแล้วนำมาแก้ไขปรับปรุงข้อบกพร่องส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในหมู่คณะให้มีความเจริญในด้านต่าง ๆ และทำกิจที่ได้รับมอบหมายตามมติที่ประชุมอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อสร้างความรับผิดชอบร่วมกันป้องกันไม่ให้เกิดการกินแหนงแคลงใจกัน ต้องให้ความสำคัญกับการประชุม ต้องทำงานของส่วนรวมให้ดี การตรงต่อเวลาเป็นการเสียสละและเป็นการแสดงน้ำใจเห็นอกเห็นใจผู้อื่นให้ความสำคัญของคำว่าทีม จะต้องถือปฏิบัติมั่นตามหลักการเดิมของหมู่คณะทำตามกฎระเบียบตามกติกาข้อบังคับ ตามหลักเกณฑ์ของหมู่คณะ เพื่อความเสมอภาคกัน จึงเป็นเป้าหมายของการพัฒนาตามหลักพระพุทธศาสนา</p>
พนม คงกลิ่น
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-01-11
2025-01-11
2 2
110
121
-
พินิจวงจรปฏิจจสมุปบาทตามหลักพระพุทธศาสนา
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/969
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า ปฏิจจสมุปบาท หมายถึง การเกิดขึ้นร่วมกันของธรรม 12 ประการ คือ อวิชชา สังขารวิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ ชรามรณะ ซึ่งความสัมพันธ์ของปฏิจจสมุปบาท มีทั้งสายเกิด และสายดับ โดยสายเกิดนั้น อวิชชาทำให้เกิดสังขาร สังขารทำให้เกิดวิญญาณ วิญญาณทำให้เกิดนามรูป นามรูปทำให้เกิดสฬายตนะ สฬายตนะทำให้เกิดผัสสะผัสสะทำให้เกิดเวทนา เวทนาทำให้เกิดตัณหา ตัณหาทำให้เกิดอุปาทาน อุปาทานทำให้เกิดภพ ภพทำให้เกิดชาติ ชาติทำให้เกิดชรามรณะ ชรามรณะทำให้เกิดความทุกข์ โศรก ปริเทวนา ความทุกข์ทั้งปวงก็เกิดขึ้น ส่วนสายดับก็ดับย้อนกลับไป เมื่อดับได้อย่างนี้ วงจรของปฏิจจสมุปบาทที่มีการสืบต่อมานานก็ขาดตอนลง วงจรของชีวิตไม่มีการสืบต่อ การเกิดในชาติปัจจุบันนี้ ถือว่าเป็นชาติสุดท้าย การดับวงจรของชีวิตหรือดับปฏิจจสมุปบาทได้ ถือว่าเป็นการบรรลุธรรมชั้นสูงในพระพุทธศาสนาเป็นพระอริยบุคคลชั้นพระอรหันต์ จักไม่กลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป</p>
พระครูโกวิทศาสนกิจ อัมพร ฉนฺทกโร
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-01-11
2025-01-11
2 2
93
109
-
ทิฎฐธัมมิกัตถประโยชน์ในการดำเนินชีวิต
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/963
<p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า หลักทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ประโยชน์ที่ปรากฏในพระพุทธศาสนามี ๔ ประการ คือ ๑. อุฏฐานสัมปทา ถึงพร้อมด้วยความหมั่นเพียร ๒. อารักขสัมปทา ถึงพร้อมด้วยการรักษาโภคทรัพย์ที่หามา ๓. กัลยาณมิตตตา ความมีเพื่อนดี ๔. สมชีวิตา อยู่อย่างพอเพียงซึ่งหากพิจารณาอย่างลึกซึ้งแล้วหลักธรรมทั้ง ๔ เรื่องนี้เป็นเรื่องของการจัดการโภคทรัพย์ หรือทรัพย์ภายนอกที่เราทุกคนต่างดิ้นรนแสวงหาทั้งที่ความจริงทุกคนสามารถมีทรัพย์อันประเสริฐได้ทั้งแก่ตนเอง ครอบครัว บุคคลใกล้ชิด และแก่สังคมหลักทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์เป็นหลักธรรมคำสอนที่สำคัญเป็นสิ่งอัศจรรย์ หากบุคคลใดน้อมนำไปปฏิบัติแล้วย่อมได้รับผลจากการปฏิบัติของมนุษย์ในสังคมบริโภคนิยม ก่อให้เกิดประโยชน์และคุณค่าในระดับต่าง ๆ กล่าวคือเป็นหัวใจแห่งความสำเร็จหรือที่เรียกว่าหัวใจเศรษฐี บ้างเรียกว่า อุ อา กะ สะ หรือ อาจเรียกเต็ม ๆ ว่า ทิฏฐธัมมิกัตถสังวัตตนิกรรม ๔ ธรรมที่เป็นไประโยชน์ในปัจจุบันเป็นธรรมอันอำนวยประโยชน์สุขชั้นต้นให้แก่ ระดับบุคคล ระดับครอบครัว ระดับสังคม และระดับประเทศ โดยสามารถแก้ไขปัญหา และก่อให้เกิดคุณค่าด้านต่าง ๆ ที่คนทั่วไปปรารถนา มีทรัพย์ ยศ เกียรติ ไมตรี ด้วยธรรม ๔ ประการนี้ในการดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข</p>
พระครูสุวรรณสิทธิธาดา วันคำ
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2025-01-11
2025-01-11
2 2
15
27
-
การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมตามหลักกัลยาณมิตรธรรม 7 ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/1184
<p>งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ (1) เพื่อศึกษาหลักคุณธรรมจริยธรรมในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา (2) เพื่อศึกษาหลักหลักกัลยาณมิตรธรรมในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา และ (3) เพื่อศึกษาการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมตามหลักกัลยาณมิตรธรรมในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาท ซึ่งในงานวิจัยนี้เป็นวิจัยเชิงเชิงเอกสาร (Documentary Research) โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงพรรณนา</p> <p>ผลการวิจัยพบว่า คุณธรรม คือ สิ่งที่แสดงออกทางใจ จริยธรรม คือ การแสดงออกทางกาย รู้ว่าสิ่งใดควรทำสิ่งใดไม่ควรทำ มีสติรู้เท่าทัน คุณธรรมจริยธรรมเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาคนให้มีปัญญามีความรู้ มีศีลธรรม ส่วนหลักกัลยาณมิตร คือ หลักการและคุณธรรม 7 ประการ ที่เป็นคุณลักษณะของกัลยาณมิตรตามหลักพุทธธรรมในพระพุทธศาสนา (1) ปิโย เป็นผู้อุดมด้วยปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม (2) ครุ มีความหนักแน่น ตั้งตนอยู่ในสัมมาทิฏฐิ (3) ภาวนีโย คือ รู้จักพูดชี้แจงให้เข้าใจ (4) วตฺตา จ พร้อมรับฟังคำปรึกษาข้อซักถาม (5) วจนกฺขโม อธิบายเนื้อความที่ยากให้เข้าใจได้อย่างง่าย (6) คมฺภีรญฺจ กถํ กตฺตา ประพฤติปฏิบัติอยู่ในธรรม และ (7) โน จฏฺฐาเน นิโยชเย ไม่แนะนำในเรื่องไร้สาระ ไม่ชักจูงในทางที่เสียหาย</p> <p>การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมตามหลักกัลยาณมิตรธรรม คือ (1) มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี (2) ประพฤติสมควรแก่ฐานะ ดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องชอบธรรม (3) มีความรู้และภูมิปัญญาแท้จริง ทั้งเป็นผู้ฝึกอบรมและปรับปรุงตนอยู่เสมอ (4) รู้จักชี้แจงให้เข้าใจ แนะนำ ว่ากล่าว ตักเตือน และเป็นที่ปรึกษาที่ดี (5) มีความอดทนต่ออุปสรรค (6) เป็นผู้กระทำได้จริงในสิ่งที่สอนแก่ผู้อื่น และ (7) เป็นผู้นำและแบบอย่างของสังคม องค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย MBG+7 – MODEL</p> <p> </p>
สังข์วาล เสริมแก้ว
ภานุมาตร์ เนโส
สมบูรณ์ จารุณะ
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-26
2024-12-26
2 2
1
14
-
อริยสัจในปฏิจจสมุปบาท
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/970
<p>หนังสือเรื่อง “อริยสัจในปฏิจจสมุปบาท”นี้ เป็นหนังสือที่เขียนโดยสุภีร์ ทุมทอง อาจารย์ประจำหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอก สาขาบาลีพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโมส จ.นครปฐม หนังสือ “อริยสัจในปฏิจจสมุปบาท” นี้เรียบเรียง จากคำบรรยายในหัวข้อ “สาระธรรมจากพระสุตตันตปิฎก” ที่ชมรมคนรู้ใจ ณ ห้องพุทธคยา ชั้น 22 อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า ถนนเพลินจิต กรุงเทพฯ เวลา 18.30 – 20.30 น. โดยได้นำมาจากการบรรยายครั้งที่ 40 ซึ่ง บรรยายเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2554 ได้นำมาปรับปรุงเพิ่มเติมตามสมควร มีเนื้อหาจำนวน 115 หน้า หนังสือเรื่องนี้มีสาระสำคัญที่ต้องการให้ผู้อ่านได้ทราบถึงเนื้อหาที่บรรยายนั้น ได้แสดงอริยสัจในแง่มุมต่างๆ และแจกแจงอริยสัจ 4 ในองค์ประกอบของกระบวนการปฏิจจสมุปบาท 12 อย่าง ตามแนวที่ท่านพระสารีบุตรแสดงไว้ใน สัมมาทิฏฐิสูตร มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ตอนที่ 40 ชื่อหัวข้อว่า อริยสัจ 4 ตอนที่ 5 ในเรื่องอริยสัจ 4 ก็ได้บรรยายไปแล้ว 4 ตอนด้วยกัน ที่ได้อธิบาย ไปแล้ว มีอยู่ 6 เรื่อง พูดเรื่องความหมาย ความสำคัญโทษของการไม่รู้อริยสัจ ประโยชน์ของการรู้อริยสัจสิ่งที่ควรทราบพิเศษในเรื่องอริยสัจ แล้วก็ข้อสุดท้ายเป็นข้อที่ 6 ขยายความอริยสัจแต่ละข้อ ในคราวที่แล้วก็พูดถึงหัวข้อที่ 6 นี้</p> <p>ในเรื่องอริยสัจ 4 ก็พูดเรื่องทุกข์และความพ้นไปแห่งทุกข์เท่านั้น ปีใหม่นี้ ท่านทั้งหลายส่งความสุขให้กันมากเกินไป จนอาจจะลืมความจริงไปแล้ว อริยสัจนั้นไม่ได้พูดเรื่องความสุข พูดเรื่องทุกข์กับความพ้นไปแห่งทุกข์เท่านั้น ทุกข์นั้นมี แต่ตัวเราผู้เป็นทุกข์ ไม่มี เหตุให้เกิดทุกข์ก็มีเหมือนกัน แต่ตัวตน สัตว์ บุคคล ไม่มีความดับสนิทของทุกข์ ความไม่มีทุกข์ คือนิพพาน ก็มีเหมือนกัน แต่คนผู้ไม่มีทุกข์ คนผู้พ้นทุกข์ไม่มีหนทางที่ทำให้ถึงความดับทุกข์ ก็มีเหมือนกัน แต่คนผู้เดินทางนั้นไม่มี พูดสรุปง่ายๆ ก็มีเฉพาะเรื่องทุกข์กับความพ้นไปแห่งทุกข์ มีข้อมูลในการอ้างอิงเพื่อให้บทความนี้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น โดยผู้เขียนได้สืบค้นข้อมูลอย่างละเอียด อาจมีบางประเด็นที่ผู้วิจารณ์เห็นต่างจากผู้เขียนบ้าง จึงต้องการวิจารณ์เชิงเสวนาไปพร้อมกับผู้เขียน และแสดงมุมมองในแบบฉบับของผู้วิจารณ์ต่อไป</p> <p>ผู้เขียนหนังสือเรื่อง“อริยสัจในปฏิจจสมุปบาท”นี้ กล่าวถึงการขยายความ อริยสัจในแต่ละข้อ ในคราวที่แล้วได้พูดไปในแบบที่ 1 คือ แบบทั่วไป มีในพระสูตรเป็นอันมาก ซึ่งถ้าเข้าใจแล้ว จะเข้าใจแบบอื่นๆ ไปด้วย เพราะแท้ที่จริง ก็เหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ ขยายความเพื่อให้เหมาะสมกับจริตกับอัธยาศัยของแต่ละคน</p>
พระมหาวาสุเทพ ญาณเมธี น้ำพุ
Copyright (c) 2024 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์
https://creativecommons.org/licenses/by-nc-nd/4.0
2024-12-26
2024-12-26
2 2
122
128