https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/issue/feed วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ 2025-07-07T11:18:18+07:00 พระศรีสุทธิเวที, ผศ.ดร. acting.lt.theethawat@gmail.com Open Journal Systems <p><strong>วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ </strong>วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์รับตีพิมพ์บทความทางวิชาการและบทความวิจัยในสาขาที่เกี่ยวกับการสนับสนุนการศึกษา เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา มนุษย์วิทยา ศาสนาศึกษา และพุทธศาสนาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือการประยุกต์พุทธศาสนากับสาขาวิชาอื่น เช่น เศรษฐศาสตร์ การบริหารสังคม สิ่งแวดล้อม และการศึกษา บทความทั้งหมดจะต้องเกี่ยวข้องกับการศึกษาการสอนและการวิจัยของพุทธศาสนา</p> https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2309 การพัฒนาจิตในโลกยุควูก้าตามหลักพระไตรลักษณ์ 2025-07-07T11:08:41+07:00 พระชยพล ชยพโล (ไชยถาวร) hnonkub@gmail.com <p>บทความวิชาการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่า สิ่งแวดล้อมในโลกยุคปัจจุบันมีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้านด้วยเทคโนโลยี หากสังเกตแต่เพียงภายนอกเท่านั้น กลับกันโลกภายในมนุษย์ยังมีความต้องการด้วยพื้นฐานของโรคทางจิตใจเหมือนเดิม คือ โลภะ โทสะ โมหะ ที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งสามารถอธิบายสภาวะโลกด้วยคำจำกัดความว่า ชื่อว่า วูก้า เวิลด์ (VUCA World) เมื่อเราทราบเหตุว่ามีผลทำให้จิตใจของผู้คนในสังคมได้รับผลกระทบโดยตรงในปัจจุบัน โดยเฉพาะด้านจิตใจ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการดำรงชีวิตในความเป็นมนุษย์ เมื่อนำกระบวนการปฏิบัติตามหลักพระไตรลักษณ์ในทางพระพุทธศาสนามาอธิบาย อันได้แก่ อนิจจัง คือความไม่เที่ยง ทุกขัง คือความเป็นทุกข์ และอนัตตา คือ ความไม่ใช่ตัวตน มาใช้กับการพัฒนาจิตทำให้ความหมายของโลกยุควูก้า (VUCA World) จากสภาวะที่วิกฤตให้กลับเป็นโอกาสได้อย่างมีประสิทธิภาพนำมาซึ่งประโยชน์ทั้งตนและผู้อื่นต่อไป</p> 2025-07-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2306 พัฒนาการน้ำปานะจากสมัยพุทธกาลถึงยุคปัจจุบัน 2025-06-30T10:36:10+07:00 สมบูรณ์ จารุณะ samaja_@hotmail.com <p style="text-align: justify; text-justify: inter-cluster; text-indent: 49.65pt; margin: 6.0pt 0cm 0cm 0cm;"><span lang="TH" style="font-size: 16.0pt; font-family: 'TH SarabunPSK',sans-serif;">บทความนี้ศึกษาพัฒนาการของ “น้ำปานะ” ในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่สมัยพุทธกาลจนถึงยุคปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาหลักการและแนวคิดของน้ำปานะในคัมภีร์พระพุทธศาสนา และเพื่อศึกษาวิวัฒนาการของน้ำปานะ จากการศึกษาพบว่า ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตน้ำปานะ ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่ทำจากผลไม้ ใบไม้ หรือดอกไม้ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ใช้ดื่มดับกระหายและบรรเทาความหิวในเวลาวิกาล โดยมีหลักเกณฑ์และข้อจำกัดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระธรรมวินัย เช่น ชนิดของวัตถุดิบ วิธีการทำ และการฉัน เมื่อกาลเวลาผ่านไป น้ำปานะได้มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปตามบริบทของสังคม เทคโนโลยี และความหลากหลายของเครื่องดื่มในปัจจุบัน ซึ่งมีทั้งเครื่องดื่มที่สามารถอนุโลมจัดเป็นน้ำปานะได้ และเครื่องดื่มที่ยากต่อการวินิจฉัย การทำความเข้าใจถึงหลักการเดิมของน้ำปานะจึงมีความสำคัญในการพิจารณาเครื่องดื่มต่าง ๆ ในยุคปัจจุบัน บทความนี้เสนอแนะให้มีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำปานะในเชิงประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เพื่อให้สังคมได้ตระหนักถึงคุณประโยชน์ของน้ำปานะอย่างแท้จริง</span></p> 2025-07-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2308 บูรณาการหลักธรรมในการทำงานของบุคลากรตามหลักราชวสดีธรรม 2025-07-07T11:08:00+07:00 ชลิดา ประจำถิ่น chalida14.2524@gmail.com พระมหาโกมล กมโล komon.kam@mcu.ac.th <p>บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาหลักราชวสดีธรรมที่นำมาบูรณาการกับการทำงานของบุคลากรอันเป็นแนวทางในการปฏิบัติภาระหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายเพื่อพัฒนาตนเองและองค์กรพระพุทธเจ้าทรงแสดง “ราชวสดีธรรม” คือหลักธรรมที่ว่าด้วยการปฏิบัติหน้าที่ต่อพระราชา จำนวน 49 ประการ เมื่อว่าโดยรวมมี 3 ด้านใหญ่ ๆ คือ 1) การปฏิบัติตนต่อพระเจ้าแผ่นดินโดยตรง 2) การควบคุมตนเองของข้าราชการ 3) การทำงานโดยตรง เป็นเรื่องที่ยึดถือปฏิบัติกันเป็นธรรมเนียมข้าราชการมาแต่โบราณ เป็นหลักการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการในฐานะผู้รับใช้พระราชา ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่ใช้กับผู้ใต้ปกครอง แต่ก็สามารถนำมาบูรณาการใช้กับองค์กรหรือหน่วยงานต่าง ๆ ได้</p> <p> สาระคำสอนราชวสดีธรรมหมวดที่ 3 นอกจากจะเป็นวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนาแล้ว ยังมีความสำคัญในฐานะของวรรณกรรมคำสอนที่มุ่งสอนข้าราชการหรือบุคลากรขององค์กรต่าง ๆ ให้มีแนวทางการประพฤติปฏิบัติตนตามภาระหน้าที่ที่รับผิดชอบ เช่น พึงเป็นผู้ได้รับการฝึกฝนศิลปศาสตร์จนมีความรู้ความสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้โดยไม่บกพร่อง พึงเป็นผู้มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เป็นต้น เมื่อกล่าวโดยสรุป หลักราชวสดีธรรมในหมวดที่ 3 เป็นการแสดงถึงคุณลักษณะที่ดีของ ข้าราชการ บุคลากรในองค์กรต่าง ๆ ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่ต้องการและเป็นที่ยอมรับของสังคม การนำสาระคำสอน “ราชวสดีธรรม” มาใช้กันอย่างต่อเนื่องทั้งในรูปวรรณกรรมคำสอน การเขียนแทรกในวรรณคดี หรือตำรา รวมถึงกรอบที่นำมาตราขึ้นเป็นกฎหมายเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าสาระคำสอน “ราชวสดีธรรม” ยังคงเป็นที่ยอมรับอยู่ในสังคมไทยเรื่อยมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงเป็นจำเป็นอย่างยิ่งที่บุคลากรในองค์กรต่าง ๆ ควรนำมาประพฤติปฏิบัติให้เป็นปกติชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่อันจะเป็นเหตุนำมาซึ่งความเจริญงอกงามไพบูลย์ทั้งตนเองและองค์กร</p> 2025-07-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2092 ศีลธรรมบนเส้นทางสองแพร่ง : กรณีการท้องก่อนวัยสมควรและ ปัญหาการทำแท้งในทัศนะของพระพุทธศาสนา 2025-05-20T16:24:34+07:00 ภานุมาตร์ เนโส Mcupali001@gmail.com ธานี สุวรรณประท Thanee.suw@mcu.ac.th ธีร์ธวัช ภูมิประมาณ uthai.phoom66@gmail.com <p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาศีลธรรมเกี่ยวกับการท้องก่อนวัยและการทำแท้งในบริบทของพระพุทธศาสนา โดยอธิบายแนวคิดพุทธจริยศาสตร์และหลักธรรมต่าง ๆ ที่สามารถนำมาใช้เป็นแนวทางแก้ไข รวมถึงเสริมองค์ความรู้สมัยใหม่ เช่น แนวคิดสิทธิเสรีภาพของสตรี การแพทย์สมัยใหม่ และบทวิเคราะห์เปรียบเทียบกับกฎหมายของประเทศต่าง ๆ เพื่อเปิดพื้นที่สำหรับการสนทนาทางจริยธรรมในสังคมไทยร่วมสมัย การแท้งเป็นการสิ้นสุดของการตั้งครรภ์ ก่อนที่เด็กจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้นอกครรภ์มารดา การสิ้นสุดของการตั้งครรภ์ก่อนอายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ความสับสนคือ ระบบศีลธรรมแบบเด็ดขาดถือการทำลายชีวิตเป็นสิ่งผิดไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ปัญหาเกิดขึ้นคือ หากเด็กในครรภ์พิการ ป่วย หากปล่อยก็อาจเป็นภาระกับมารดา สร้างความทุกข์ให้แก่เด็กจนตาย ซึ่งตัวศีลธรรมแบบเด็ดขาดอาจเป็นผู้ทำลายเป้าหมายของศีลทำเอง ปัญหาการทำแท้งเป็นปัญหาด้านศีลธรรม จริยธรรมที่เกิดกับหญิงผู้ทำแท้ง หมอที่ลงมือทำแท้ง คนรอบข้างที่สนับสนุนการทำแท้ง หรือคนใดที่เห็นตาม จะด้วยความจำเป็นจำยอม หรือเต็มใจก็ตามถือว่าผิดศีลธรรม ปัญหาการทำแท้งในสังคมไทยเกิดจากความอ่อนแอทางศีลธรรม มารดาบิดาขาดความรู้ ความรับผิดชอบ ขาดการวางแผนครอบครัวที่ถูกต้อง แนวทางแก้ปัญหาการทำแท้งในทัศนะของพระพุทธศาสนา คือ ใช้ทางสายกลาง สถาบันครอบครัวให้อบอุ่น ส่งเสริมการศึกษาเรื่องเพศให้ถูกต้องตามวัย ควบคุมสื่อที่ยั่วยุทางกามารมณ์ และส่งเสริมให้ดำเนินชีวิตด้วยศีลธรรมจริยธรรม โดยนำมาเป็นหลักปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เช่นหลักเบญจศีลเบญจธรรม เว้นจากฆ่าสัตว์ เว้นจากประพฤติผิดในกาม มีเมตตามีสัจจะในคู่ครอง รวมถึงหลักไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นต้น</p> 2025-07-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2350 มีศีลธรรมไม่ใช่คนโง่: กรณีศึกษาหิริโอตตัปปะกับบทบาทของปัญญาชน ในสังคมเสื่อมศีลธรรมในแง่ของพุทธจริยศาสตร์ 2025-07-07T11:18:18+07:00 พระมหาโกมล กมโล pali.2015kamaro@gmail.com สมบูรณ์ จารุณะ Samaja_@hotmail.com ชลิดา ประจำถิ่น Pali.2015Kamaro@gmail.com <p>บทความนี้มุ่งศึกษาคุณธรรมพื้นฐานของหิริ (ความละอายต่อบาป) และโอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่อบาป) ในฐานะ “ธรรมคุ้มกันโลก” ที่พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าเป็นเครื่องหมายของสัตบุรุษ พร้อมทั้งเสนอการอ่านใหม่ที่เชื่อมโยงคุณธรรมดังกล่าวเข้ากับบทบาทของ “ปัญญาชน” ในสังคมร่วมสมัยที่มีแนวโน้มเหยียดความดีและยกย่องความเฉลียวฉลาดที่ไร้คุณธรรม โดยใช้การวิเคราะห์แนวคิดคำว่า “พาล” และ “บัณฑิต” จากคัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา ควบคู่กับการอภิปรายเรื่องวิบากกรรมของอทินนาทาน เพื่อแสดงให้เห็นว่า “การไม่ทำบาป” มิใช่ความโง่ แต่เป็นความกล้าทางจริยธรรมของผู้มีปัญญา บทความยังยกกรณีศึกษาจากพระไตรปิฎกเกี่ยวกับโจรล้วงกระเป๋าเพื่อสะท้อนความหมายของปัญญาชนที่แท้จริงในพุทธจริยศาสตร์ พร้อมเชื่อมโยงกับปรากฏการณ์คอร์รัปชันและการแสวงหาผลประโยชน์อย่างไร้คุณธรรมในสังคมปัจจุบัน โดยเสนอว่าพระโสดาบันเป็นภาพแทนของบัณฑิตผู้มีหิริ–โอตตัปปะ และเป็นต้นแบบของปัญญาชนผู้มีจิตสำนึกต่อผลกรรม</p> 2025-07-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2307 สัมมาสติในพุทธธรรม 2025-06-30T10:36:57+07:00 พระมหาสมชาย จนฺทสาโร (ทุ่งมล) Mcupali001@gmail.com <p>สัมมาสติในพุทธธรรม ได้กล่าวถึงความหมาย คุณประโยชน์ การใช้สติที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธธรรม และผลพลอยได้ที่เป็นประโยชน์ข้างเคียง แรงบันดาลใจที่แต่งหนังสือเล่มนี้ คือ ชาวบ้านทั่วไปอ่านแล้วเข้าใจได้ง่าย จุดประสงค์ของผู้แต่งมุ่งสอนในเรื่องการเจริญสติเป็นพิเศษ ซึ่งถ้าเรารู้เท่าทันแล้ว เราสามารถเอามาใช้ได้หมด แม้แต่ใช้สติเป็นตัวระลึกรู้ แต่ใช้แบบไม่ให้เกิดความประมาท แต่ใช้แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นไปได้ หรือจะเป็นแง่สมาธิเพื่อพลังจิต ใช้รวมจิตไม่ให้ฟุ้งซ่าน แต่ก็มีหลักที่แท้จริงคือ ประโยชน์ตามจุดมุ่งหมายของพุทธศาสนา ที่จะกำจัดกิเลสและให้รู้เท่าทันความจริงของสิ่งทั้งหลาย ให้รู้ตามจริงว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รวมทั้งรู้จักโลกและชีวิตตามเป็นจริง จนสามารถวางจิตวางใจต่อชีวิตและโลกได้ถูกต้อง เป็นจิตสงบ ราบเรียบ โปร่งโล่ง ผ่องใส เป็นอิสระ เพราะไม่มีกิเลส ไม่มีความเป็นไปใด ๆ ในโลก ที่จะมาทำให้จิตหวั่นไหวได้ เพราะปัญญาเข้าถึงความจริง แล้วดำเนินชีวิตเป็นอยู่ด้วยปัญญา ที่รู้และทำตรงเหตุปัจจัยอันนี้คือสิ่งที่เราต้องการซึ่งจะสำเร็จด้วยการที่มาปฏิบัติตามกระบวนการส่งต่อของไตรสิกขา</p> 2025-07-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2015 การพัฒนาวิธีปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในสังคมไทย เพื่อนำสู่ผลสัมฤทธิ์แบบซอฟพาวเวอร์ 2025-05-13T13:55:24+07:00 พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ธรรมาจารย์ (นิรันดร์ อภิปุญฺโญ) nnirun98@gmail.com พระภาวนาพิศาลเมธี (ประเสริฐ มนฺตเสวี) nnirun98@gmail.com พระครูพิบูลกิจจารักษ์ (ทองมาก) nnirun98@gmail.com พระครูวินัยธร ชัยวัตร อาภาธโร nnirun98@gmail.com ศรินรัตน์ ชิตะธรรมสิทธิ์ nnirun98@gmail.com <p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาเชิงวิเคราะห์วิธีการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในสังคมไทย เพื่อเปรียบเทียบวิธีการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในสังคมไทย และเพื่อพัฒนาวิธีการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในสังคมไทย การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเอกสารด้วยเทคนิค 6’Cs และวิจัยภาคสนาม ด้วยการลงพื้นที่สัมภาษณ์เชิงลึก กับพระวิปัสสนาจารย์ และนักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา จำนวน 8 รูป/ท่าน แล้ววิเคราะห์ข้อมูลแบบสามเส้า</p> <p> ผลการวิจัยพบว่า 1) วิธีการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาในสังคมไทย มี 5 สาย คือ 1. สายพุทโธ ใชัคำบริกรรมพุทโธ ควบคู่ไปลมหายใจ 2. สายพองยุบ ใช้สติระลึกรู้ที่อาการเคลื่อนไหวของท้อง 3. สายรูปนามใช้สติตามระลึกรู้ลักษณะอาการต่างๆ 4. สายสัมมาอะระหังใช้การเพ่งแสงสว่างและภาพนิมิต และ 5. สายอานาปานสติใช้การเจริญสติระลึกรู้ที่ลมหายใจเข้าออก 2) สายพุทโธ และสายสัมมาอะระหัง เป็นวิธีการปฏิบัติแบบสมถภาวนา ส่วนสายอานาปานสติ และสายพองยุบ เบื้องต้นเป็นวิธีการปฏิบัติสมถภาวนาและเบื้องปลายเป็นวิธีการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ส่วนสายรูปนาม เป็นวิธีการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา ทุกสายเป็นสติปัฏฐาน และได้บรรลุผลสัมฤทธิ์ตามลำดับ 3) การพัฒนาวิธีปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาของสำนักปฏิบัติธรรมในสังคมไทย โดยใช้หลักการของการมีสติระลึกรู้ในทุกๆ อิริยาบถ และ เป็นผู้เจริญสติอย่างต่อเนื่องจนเกิดวิปัสสนาปัญญาจนถึงขั้นบรรลุมรรค ผล นิพพาน</p> 2025-06-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2091 วิเคราะห์คัมภีร์กัจจายนะ 2025-05-20T16:18:04+07:00 วิโรจน์ คุ้มครอง koom-krong9@hotmail.com ธีร์ธวัช ภูมิประมาณ acting.lt.theethawat@gmail.com <p> <span class="fontstyle0">บทความวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยเรื่อง คัมภีร์กัจจายนะ: การแปล และ การวิเคราะห์กล่าวคือ คัมภีร์กัจจายนะ เป็นคัมภีร์อธิบายขยายความไวยากรณ์ พระวิชิตาวีเถระเป็นผู้ แต่งขณะพำนักอยู่วัดอภยศิริ แต่งอธิบายไวยากรณ์ใน 6 หัวข้อคือ ตอนว่าด้วยสนธิกัป ตอนว่าด้วย นามกัป ตอนว่าด้วยอาขยาตกัป ตอนว่าด้วยกิพพิธานกัป ตอนว่าด้วยอุณาทิกัป และตอนว่าด้วยนิคม คาถา มีลักษณะการประพันธ์แบบร้อยแก้ว คือ การดำเนินเรื่องแบบธรรมดา และแบบร้อยกรอง คือ การดำเนินเรื่องในรูปแบบคาถา ท่านได้แต่งคัมภีร์โดยใช้นามศัพท์ ใช้กิริยาศัพท์ และใช้อัพพยศัพท์ได้ อย่างถูกต้องตามหลักภาษาและหลักไวยากรณ์</span> </p> 2025-06-24T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์ https://so11.tci-thaijo.org/index.php/NVKS/article/view/2349 วิเคราะห์ความสัมพันธ์ชาดกมาลากับชาดกในพระบาลี และอรรถกถา: กรณีศึกษากุมภชาดก 2025-07-07T11:15:11+07:00 พระมหาโกมล กมโล pali.2015kamaro@gmail.com <p>บทความวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง <em>ชาดกมาลา</em> ซึ่งเป็นวรรณกรรมภาษาสันสกฤต กับ <em>ชาดกในพระไตรปิฎกและอรรถกถา</em> ในภาษาบาลี โดยมุ่งวิเคราะห์กรณีศึกษา <em>กุมภชาดก</em> ซึ่งเป็นเรื่องที่ปรากฏในคัมภีร์ทั้งสองฝ่าย การวิจัยเน้นการวิเคราะห์คุณค่าทางสังคมของชาดก ตลอดจนแนวทางการประยุกต์องค์ความรู้เพื่อพัฒนาวิชาการด้านพระพุทธศาสนาและสังคม โดยใช้วิธีวิเคราะห์เนื้อหา (content analysis) ควบคู่กับการเปรียบเทียบด้านวรรณศิลป์ คติธรรม และโครงสร้างภาษาศาสตร์</p> <p> ผลการศึกษาพบว่า <em>กุมภชาดก</em> ในบาลีและสันสกฤตต่างยืนยันหลักคำสอนว่าด้วยโทษของการดื่มสุรา ซึ่งเป็นอบายมุขสำคัญที่บั่นทอนศักยภาพมนุษย์ เนื้อหาของชาดกบาลีมีลักษณะกระชับ ตรงประเด็น ส่วนชาดกมาลาใช้ฉันทลักษณ์และอาลังการเพื่อเสริมพลังการโน้มน้าวใจทางวรรณกรรม ชี้ให้เห็นว่าชาดกทั้งสองสายสามารถเกื้อหนุนกันในเชิงวิชาการ ทั้งในการตีความหลักธรรม และการสอนศีลธรรมแก่สังคมร่วมสมัยข้อเสนอแนะสำคัญคือควรส่งเสริมการศึกษาชาดกมาลาในสถาบันการศึกษาด้านพระพุทธศาสนา และจัดทำฐานข้อมูลเปรียบเทียบชาดกบาลีกับชาดกมาลาอย่างเป็นระบบ เพื่อรองรับงานวิจัยเชิงเปรียบเทียบในอนาคต</p> 2025-07-23T00:00:00+07:00 Copyright (c) 2025 วารสาร นวังคสัตถุสาสน์ปริทรรศน์