ความสัมพันธ์ของความแข็งแกร่งในชีวิต และ การตระหนักรู้ในตนเอง ต่อ การจัดการความโกรธ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร

ผู้แต่ง

  • จินต์วิภา พึ่งธรรม ภาควิชาจิตวิทยา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคําแหง
  • อุมาภรณ์ สุขารมณ์ ภาควิชาจิตวิทยา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

คำสำคัญ:

ความแข็งแกร่งในชีวิต, การตระหนักรู้ในตนเอง, การจัดการความโกรธ, จิตวิทยาวัยรุ่น

บทคัดย่อ

          การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อศึกษาระดับความโกรธจำแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ เกรดเฉลี่ย และเงินที่ได้ไปโรงเรียนต่อเดือน ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร (2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของความแข็งแกร่งในชีวิต ต่อการจัดการความโกรธ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร (3) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของการตระหนักรู้ในตนเองต่อการจัดการความโกรธ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร  กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นนักเรียนจำนวน 271 คน ข้อมูลถูกรวบรวมโดยใช้แบบสอบถามปัจจัยส่วนบุคคล เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แบบวัดการจัดการความโกรธ แบบวัดความแข็งแกร่งในชีวิต และแบบวัดการตระหนักรู้ในตนเอง สถิติที่ใช้ในการ วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าแจกแจงความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์เพียร์สัน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว

            ผลการศึกษาครั้งนี้พบว่า (1.) เพศของนักเรียนต่างกันมีการจัดการความโกรธที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดยเพศชายมีแนวโน้มแสดงออกความโกรธสูงกว่า ในขณะที่กลุ่มเพศหญิงมีแนวโน้มใช้การควบคุมอารมณ์มากกว่า สำหรับเกรดเฉลี่ย นักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยสูงสามารถจัดการความโกรธได้ดีกว่ากลุ่มที่มีเกรดเฉลี่ยต่ำ นักเรียนที่ได้รับเงินไปโรงเรียนต่อเดือนในช่วง 2,001 - 4,000 บาท มีการจัดการความโกรธในระดับปานกลาง (2.) ความแข็งแกร่งในชีวิตมีความสัมพันธ์เชิงบวกกับการจัดการความโกรธอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (r = 0.45, p < 0.01) นักเรียนที่มีความแข็งแกร่งในชีวิตสูงสามารถควบคุมความโกรธได้ดีกว่าในระดับปานกลางถึงสูง (3.) การตระหนักรู้ในตนเองมีความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับปานกลางต่อการจัดการความโกรธ (r = 0.40, p < 0.01)

References

คมสันต์ สมสุข. (2561). ผลกระทบของความแข็งแกร่งในชีวิตและการตระหนักรู้ในตนเองต่อการจัดการความโกรธในนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 3. วารสารการแนะแนวการศึกษา, 3(2), 45-58.

กุลนันท์ เจริญสุข. (2554). ผลของโปรแกรมการจัดการความโกรธต่อพฤติกรรมก้าวร้าวของนักเรียนมัธยมศึกษา. วารสารสมาคมแนะแนวจิตวิทยาแห่งประเทศไทย, 2(1), 25-40.

พิชญา สุนทราภิรมย์. (2558). การพัฒนาความตระหนักรู้ในตนเองเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการอารมณ์ในนักเรียนมัธยมศึกษา. วารสารจิตวิทยาการศึกษา, 4(3), 61-74.

สุธาสินี จันทร์จิรา. (2562). ผลของการฝึกโปรแกรมความแข็งแกร่งในชีวิตต่อการลดพฤติกรรมเสี่ยงในนักเรียนมัธยมศึกษา. วารสารการแนะแนวและจิตวิทยาการศึกษา, 15(1), 45-59.

ทัศไนย วงศ์สุวรรณ. (2542). ผลของการปรึกษาเชิงจิตวิทยาแบบกลุ่มตามแนวพิจารณาเหตุผล อารมณ์และพฤติกรรม ต่อความโกรธของนักเรียนวัยรุ่น (วิทยานิพนธ์ปริญญาโท, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย). ฐานข้อมูลวิทยานิพนธ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. https://cuir.car.chula.ac.th/handle/123456789/12851

พัชรินทร์ นินทจันทร์, ศรีสุภางค์ ลิมป์ กาญจนวัฒน์, และคณะ. (2559). ความแข็งแกร่งในชีวิตและการปรับตัวของนักเรียนมัธยมศึกษา. วารสารพฤติกรรมศาสตร์, 22(1), 32-44.

ทัศนีย์ สุริยะไชย. (2554). การพัฒนาแบบวัดการตระหนักรู้ในตนเองในนักเรียนมัธยมศึกษา. วิทยานิพนธ์ปริญญาโท สาขาจิตวิทยา, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่.

สุพัตรา วิไลวงศ์. (2562). การจัดการความโกรธในวัยรุ่น: ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรม. วารสารจิตวิทยา, 25(2), 90-102.

ณัฐวุฒิ เกิดมีสุข. (2561). ความสัมพันธ์ระหว่างความแข็งแกร่งในชีวิตกับการจัดการความโกรธในวัยรุ่น. วารสารสุขภาพจิตแห่งประเทศไทย, 26(1), 45-58.

American Psychological Association. (2023). Anger management: Understanding and controlling anger. https://www.apa.org/topics/anger/control

Archer, J. (2004). Sex differences in aggression in real-world settings: A meta-analytic review. Review of General Psychology, 8(4), 291-322.

Burney, N. & Kromrey, J. D. (2001). Initial development and score validation of the anger style profiles. Measurement and Evaluation in Counseling and Development, 34(1), 23-39.

Dalili, S., & Zohuri, B. (2023). Emotional regulation and problem-solving: Strategies for improving anger management. Journal of Psychological Research, 12(4), 145-159.

Dahlen, E. R., & Deffenbacher, J. L. (2001). Anger management: Empirical and theoretical perspectives. Current Psychology: Developmental, Learning, Personality, Social, 20(3), 193-204.

Fernandez, E., & Johnson, S. L. (2016). Anger management techniques in clinical practice. Journal of Clinical Psychology, 72(4), 373-388.

Goleman, D. (1995). Emotional intelligence: Why it can matter more than IQ. Bantam Books.

Grotberg, E. H. (1995). A guide to promoting resilience in children: Strengthening the human spirit. Early Childhood Development: Practice and Reflections.

Miller, R. T., Zohra, P., & Smith, A. G. (2022). Self-awareness and its role in emotional regulation and anger management. Psychology and Behavior, 14(2), 50-67.

Spielberger, C. D. (1996). State-Trait Anger Expression Inventory (STAXI): Professional manual. Psychological Assessment Resources.

Spielberger, C. D., Krasner, S. S., & Solomon, E. P. (1995). The experience and expression of anger: Construction and validation of an anger expression scale. Personality and Individual Differences, 19(2), 371-380.

Brown, K. W., & Ryan, R. M. (2003). The benefits of being present: Mindfulness and its role in psychological well-being. Journal of Personality and Social Psychology, 84(4), 822-848.

Siegel, D. J. (2007). The mindful brain: Reflection and attunement in the cultivation of well-being. W. W. Norton & Company.

Additional Files

เผยแพร่แล้ว

2024-12-23

How to Cite

พึ่งธรรม จ., & สุขารมณ์ อ. . (2024). ความสัมพันธ์ของความแข็งแกร่งในชีวิต และ การตระหนักรู้ในตนเอง ต่อ การจัดการความโกรธ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร. วารสารสมาคมจิตวิทยาแนะแนวแห่งประเทศไทย (Online), 1(2), 69–83. สืบค้น จาก https://so11.tci-thaijo.org/index.php/GPAT/article/view/1048