เวอร์ชันเก่านี้เผยแพร่เมื่อ 10.05.2025 โปรดอ่าน เวอร์ชันล่าสุด

ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์

ผู้แต่ง

  • จิโรจ จิ๋วแหยม
  • พิมพฤทธิ์ เที่ยงภักดิ์
  • วิจิตรา เจริญพงษ์

บทคัดย่อ

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ 1) เพื่อศึกษาระดับของการจัดระบบบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดระบบสารสนเทศ และคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์   2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการจัดระบบบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดระบบสารสนเทศ  และ คุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยได้มาจากการตอบแบบสอบถามของครู และผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 343 คน โดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์ถดถอยพหุคูณแบบสเต็ปไวซ์

          ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับการจัดระบบบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดระบบสารสนเทศ และ คุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์   โดยรวมอยู่ในระดับมาก  เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการจัดระบบบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดระบบสารสนเทศ และ คุณภาพผู้เรียน โดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลาง 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน มี 10 จากทั้งหมด 54 ปัจจัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถทำนายคุณภาพผู้เรียนได้ร้อยละ 67.20 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และพบว่า ปัจจัยที่ดีที่สุดคือ “การนำเสนอข้อมูลสารและสารสนเทศในรูปแบบที่เหมาะสม ชัดเจน กะทัดรัด ตรงกับความต้องการ และสะดวกต่อการนำไปใช้” เพียงปัจจัยเดียวสามารถ

ทำนายตัวแปรตามคือ คุณภาพของผู้เรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์   ได้ร้อยละ 42.10 ที่ระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01

เอกสารอ้างอิง

กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). การจัดระบบบริหารและสารสนเทศภายในสถานศึกษาตามกฎกระทรวงว่า

ด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553. (เล่มที่ 4). (พิมพ์ครั้งที่ 1).

กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.

กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). แนวทางการประเมินคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายใน

ของสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.

กัลยา วานิชย์บัญชา. (2544). สถิติสำหรับงานวิจัย. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.

จันทร์พร เสงี่ยมพักตร์. (2549). การจัดการระบบสารสนเทศของสถานศึกษาในอำเภอเมืองเชียงใหม่. (การค้นคว้า

อิสระปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, บัณฑิตวิทยาลัย,

สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.

ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2550). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 10). นนทบุรี: ไทยเนรมิตกิจ

อินเตอร์ โปรเกรสซีฟ.

ทัศนีย์ หมู่คำ. (2547). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดกำแพงเพชร. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร, คณะครุศาสตร์, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.

บุญตา ชาญชำนิ. (2552). ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานกับประสิทธิผลของโรงเรียน

สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 3. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต).

มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย, บัณฑิตวิทยาลัย, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.

ประวิตา มีเปี่ยมสมบูรณ์. (2554). ปัจจัยที่ส่งผลต่อมาตรฐานคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนประถมศึกษา

สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร

มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา, คณะศึกษาศาสตร์, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.

ศรีสมรัก อินทุจันทร์ยง. (2550). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. กรุงเทพฯ: โฟร์–วัน พริ้นติ้ง.

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์ . (2559). แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559. นครสวรรค์: กลุ่มนโยบายและแผน. (เอกสารอัดสำเนา).

สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2549). รายงานการวิจัยประเมินผล การกระจายอำนาจการบริหารและ

การจัดการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา. สืบค้นจาก: http://www.onec.go.th/onec_backoffice/uploads/ Book/194-file.pdf.

สมศักดิ์ รอบคอบ. (2548). ประสิทธิภาพการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน

สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 1. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต).

มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม, บัณฑิตวิทยาลัย, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.

Best, John W. 1977. Research in Education. 3rd ed. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall.

Krejcie, R.V; & Morgan, D.W. (March, 1970). Determining sample size for research activities. Journal of Educational and Psychological Measurement. 30 (30): 608.

ศักดิ์ศรี สุภาษร นุจรี สุภาษร วรรณวไล อธิวาสน์พงศ์ และสนธิ พลชัยยา. (2559). การพัฒนาความเข้าใจมโนมติ เรื่อง สารละลาย ด้วยการทดลองแบบสืบเสาะร่วมกับภาพเคลื่อนไหวระดับอนุภาคสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้, 7(1), 28-47.

Chaipidech, P., & Srisawasdi, N. (2018). A proposal for personalized inquiry-based flipped learning with mobile technology. In Proceedings of the 26th International Conference on Computers in Education (ICCE2018), Asia-Pacific Society for Computers in Education, November 26 – 30, 2018, Manila, Philippines.

Srisawasdi, N. (2018). Transforming chemistry class with technology-enhanced active inquiry learning for the digital native generation. In C. Cox & W. Schatzberg (Eds.) International Perspectives on Chemistry Education Research and Practice (pp. 221–233). ACS Symposium Series 1142, American Chemical Society: Washington, DC.

Srisawasdi, N., & Panjaburee, P. (2019). Implementation of game-transformed inquiry-based learning to promote the understanding of and motivation to learn chemistry. Journal of Science Education and Technology, 28(2), 152–164.

01.องค์ความรู้ใหม่

ดาวน์โหลด

เผยแพร่แล้ว

10.05.2025

เวอร์ชัน

รูปแบบการอ้างอิง

จิ๋วแหยม จ. . ., เที่ยงภักดิ์ พ., & เจริญพงษ์ ว. . . (2025). ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์. วารสารศิลปศาสตร์และการศึกษา, 1(2), 1–16. สืบค้น จาก https://so11.tci-thaijo.org/index.php/LAE/article/view/PDF

ฉบับ

ประเภทบทความ

บทความวิจัย