ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 3 ประการคือ 1) เพื่อศึกษาระดับของการจัดระบบบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดระบบสารสนเทศ และคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์ 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการจัดระบบบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดระบบสารสนเทศ และ คุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา 3) เพื่อศึกษาปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา ข้อมูลที่ใช้ในการวิจัยได้มาจากการตอบแบบสอบถามของครู และผู้บริหารสถานศึกษา จำนวน 343 คน โดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ จำนวน ร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน และการวิเคราะห์สหสัมพันธ์ถดถอยพหุคูณแบบสเต็ปไวซ์
ผลการวิจัยพบว่า 1) ระดับการจัดระบบบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดระบบสารสนเทศ และ คุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์ โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อเทียบกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ 2) ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการจัดระบบบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดระบบสารสนเทศ และ คุณภาพผู้เรียน โดยรวมมีความสัมพันธ์ทางบวกในระดับปานกลาง 3) ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพผู้เรียน มี 10 จากทั้งหมด 54 ปัจจัยเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถทำนายคุณภาพผู้เรียนได้ร้อยละ 67.20 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 และพบว่า ปัจจัยที่ดีที่สุดคือ “การนำเสนอข้อมูลสารและสารสนเทศในรูปแบบที่เหมาะสม ชัดเจน กะทัดรัด ตรงกับความต้องการ และสะดวกต่อการนำไปใช้” เพียงปัจจัยเดียวสามารถ
ทำนายตัวแปรตามคือ คุณภาพของผู้เรียนในโรงเรียนมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์ ได้ร้อยละ 42.10 ที่ระดับความมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). การจัดระบบบริหารและสารสนเทศภายในสถานศึกษาตามกฎกระทรวงว่า
ด้วยระบบ หลักเกณฑ์ และวิธีการประกันคุณภาพการศึกษา พ.ศ. 2553. (เล่มที่ 4). (พิมพ์ครั้งที่ 1).
กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย จำกัด.
กระทรวงศึกษาธิการ. (2554). แนวทางการประเมินคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐานเพื่อการประกันคุณภาพภายใน
ของสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ.
กัลยา วานิชย์บัญชา. (2544). สถิติสำหรับงานวิจัย. กรุงเทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จันทร์พร เสงี่ยมพักตร์. (2549). การจัดการระบบสารสนเทศของสถานศึกษาในอำเภอเมืองเชียงใหม่. (การค้นคว้า
อิสระปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, บัณฑิตวิทยาลัย,
สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.
ชูศรี วงศ์รัตนะ. (2550). เทคนิคการใช้สถิติเพื่อการวิจัย. (พิมพ์ครั้งที่ 10). นนทบุรี: ไทยเนรมิตกิจ
อินเตอร์ โปรเกรสซีฟ.
ทัศนีย์ หมู่คำ. (2547). ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการประกันคุณภาพการศึกษาของสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในจังหวัดกำแพงเพชร. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร, คณะครุศาสตร์, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.
บุญตา ชาญชำนิ. (2552). ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานกับประสิทธิผลของโรงเรียน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาขอนแก่น เขต 3. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต).
มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย, บัณฑิตวิทยาลัย, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.
ประวิตา มีเปี่ยมสมบูรณ์. (2554). ปัจจัยที่ส่งผลต่อมาตรฐานคุณภาพผู้เรียนของโรงเรียนประถมศึกษา
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครปฐม. (วิทยานิพนธ์ปริญญาศึกษาศาสตร
มหาบัณฑิต). มหาวิทยาลัยบูรพา, คณะศึกษาศาสตร์, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.
ศรีสมรัก อินทุจันทร์ยง. (2550). ระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ. กรุงเทพฯ: โฟร์–วัน พริ้นติ้ง.
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา นครสวรรค์ . (2559). แผนปฏิบัติการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2559. นครสวรรค์: กลุ่มนโยบายและแผน. (เอกสารอัดสำเนา).
สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา. (2549). รายงานการวิจัยประเมินผล การกระจายอำนาจการบริหารและ
การจัดการศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษา. สืบค้นจาก: http://www.onec.go.th/onec_backoffice/uploads/ Book/194-file.pdf.
สมศักดิ์ รอบคอบ. (2548). ประสิทธิภาพการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครปฐม เขต 1. (วิทยานิพนธ์ปริญญาครุศาสตรมหาบัณฑิต).
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม, บัณฑิตวิทยาลัย, สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.
Best, John W. 1977. Research in Education. 3rd ed. Englewood Cliffs, New Jersey: Prentice Hall.
Krejcie, R.V; & Morgan, D.W. (March, 1970). Determining sample size for research activities. Journal of Educational and Psychological Measurement. 30 (30): 608.
ศักดิ์ศรี สุภาษร นุจรี สุภาษร วรรณวไล อธิวาสน์พงศ์ และสนธิ พลชัยยา. (2559). การพัฒนาความเข้าใจมโนมติ เรื่อง สารละลาย ด้วยการทดลองแบบสืบเสาะร่วมกับภาพเคลื่อนไหวระดับอนุภาคสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาปีที่ 2. วารสารหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้, 7(1), 28-47.
Chaipidech, P., & Srisawasdi, N. (2018). A proposal for personalized inquiry-based flipped learning with mobile technology. In Proceedings of the 26th International Conference on Computers in Education (ICCE2018), Asia-Pacific Society for Computers in Education, November 26 – 30, 2018, Manila, Philippines.
Srisawasdi, N. (2018). Transforming chemistry class with technology-enhanced active inquiry learning for the digital native generation. In C. Cox & W. Schatzberg (Eds.) International Perspectives on Chemistry Education Research and Practice (pp. 221–233). ACS Symposium Series 1142, American Chemical Society: Washington, DC.
Srisawasdi, N., & Panjaburee, P. (2019). Implementation of game-transformed inquiry-based learning to promote the understanding of and motivation to learn chemistry. Journal of Science Education and Technology, 28(2), 152–164.

ดาวน์โหลด
เผยแพร่แล้ว
เวอร์ชัน
- 12.09.2025 (2)
- 10.05.2025 (1)
รูปแบบการอ้างอิง
ฉบับ
ประเภทบทความ
สัญญาอนุญาต
ลิขสิทธิ์ (c) 2025 ปีที่1, ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม) 2568

อนุญาตภายใต้เงื่อนไข Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International License.
บทความนี้ได้รับการเผยแพร่ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International (CC BY-NC-ND 4.0) ซึ่งอนุญาตให้ผู้อื่นสามารถแชร์บทความได้โดยให้เครดิตผู้เขียนและห้ามนำไปใช้เพื่อการค้าหรือดัดแปลง หากต้องการใช้งานซ้ำในลักษณะอื่น ๆ หรือการเผยแพร่ซ้ำ จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากวารสาร