https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jkp/issue/feed
วารสารกว๊านพะเยา
2025-06-30T00:00:00+07:00
วารสารกว๊านพะเยา
journal.kwanphayao@gmail.com
Open Journal Systems
<p>วารสารกว๊านพะเยา (Journal of Kwan Phayao)</p> <p>E-ISSN : ISSN : 3057-109X (Online)<br />เป็นวารสารในกลุ่มมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์</p>
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jkp/article/view/2311
การพัฒนาอารมณ์เชิงบวกของวัยรุ่นผ่านกิจกรรมศิลปะบำบัด
2025-06-26T20:02:36+07:00
พระครูสุทธิเมธาวัฒน์ (สุทธิพจน์ สุทฺธิวจโน)
suttipod555@gmail.com
<p>การพัฒนาอารมณ์เชิงบวกของวัยรุ่นถือเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมสุขภาวะทางจิตใจและพฤติกรรมทางสังคมที่เหมาะสม กิจกรรมศิลปะบำบัดเป็นกระบวนการสร้างสรรค์ที่ช่วยให้วัยรุ่นสามารถแสดงออกทางอารมณ์และสำรวจตนเองได้อย่างปลอดภัย งานวิจัยหรือโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของกิจกรรมศิลปะบำบัดที่มีต่อการเสริมสร้างอารมณ์เชิงบวกในกลุ่มวัยรุ่น โดยใช้กิจกรรม เช่น การวาดภาพ การระบายสี และการสร้างงานประติมากรรมอย่างอิสระ ผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่ากิจกรรมดังกล่าวช่วยลดระดับความเครียด เพิ่มความพึงพอใจในตนเอง และส่งเสริมความรู้สึกมีคุณค่าในตนเองของวัยรุ่นได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ ศิลปะบำบัดจึงเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาด้านอารมณ์ของวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 วารสารกว๊านพะเยา
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jkp/article/view/2241
บทบาทของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคม ต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐ
2025-06-25T17:57:44+07:00
เรียงดาว ทวะชาลี
thanadolpolpan@gmail.com
<p>บทความนี้มุ่งศึกษาบทบาทของขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐในบริบทของสังคมไทย โดยเน้นวิเคราะห์กลไก วิธีการ และปัจจัยที่ส่งผลให้ขบวนการเคลื่อนไหวสามารถผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายได้ งานศึกษานี้อ้างอิงกรอบแนวคิดของทฤษฎีการเคลื่อนไหวทางสังคม (Social Movement Theory) และใช้กรณีศึกษาจากเหตุการณ์ทางการเมืองและสังคมที่สำคัญในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เช่น การเคลื่อนไหวของภาคประชาสังคมด้านสิ่งแวดล้อม การเคลื่อนไหวของเยาวชน และขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของขบวนการเคลื่อนไหว ได้แก่ ความชัดเจนของข้อเรียกร้อง การสนับสนุนจากสื่อและเครือข่ายภาคประชาชน ตลอดจนบริบททางการเมืองในช่วงเวลานั้น ๆ บทความนี้จึงมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่เน้นการส่งเสริมพื้นที่สาธารณะและการมีส่วนร่วมของประชาชนในการกำหนดทิศทางนโยบายของรัฐอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน</p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 วารสารกว๊านพะเยา
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jkp/article/view/2242
การวิเคราะห์เปรียบเทียบการบริหารงานยุติธรรมและแนวทางการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศไทยกับฟิลิปปินส์
2025-06-25T17:59:27+07:00
เกษฎา ผาทอง
ketsada.iadp@gmail.com
โสรัตน์ กลับวิลา
ketsada.iadp@gmail.com
<p>บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวิเคราะห์และเปรียบเทียบระบบการบริหารงานยุติธรรมและแนวทางการบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศไทยกับประเทศฟิลิปปินส์ โดยใช้กรอบแนวคิดเรื่องหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล และระบบกฎหมายเปรียบเทียบเป็นพื้นฐาน พบว่าทั้งสองประเทศมีเป้าหมายร่วมกันในการสร้างความยุติธรรมและความมั่นคงในสังคม แต่มีลักษณะเฉพาะในด้านโครงสร้างกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย ประเทศไทยมีระบบกฎหมายแบบแพ่ง ขณะที่ฟิลิปปินส์ใช้ระบบผสมระหว่างกฎหมายแพ่ง กฎหมายจารีต และกฎหมายแบบคอมมอนลอว์ การศึกษาพบว่าประเทศไทยมีระบบศาลที่เป็นทางการแต่ยังมีข้อจำกัดด้านความโปร่งใสและประสิทธิภาพ ขณะที่ฟิลิปปินส์มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารงานศาล และสนับสนุนบทบาทของชุมชนมากขึ้น จากการเปรียบเทียบจึงเสนอแนวทางพัฒนาระบบยุติธรรมไทย ได้แก่ การส่งเสริม “ดิจิทัลยุติธรรม” การพัฒนากระบวนการยุติธรรมชุมชน และการจัดตั้งหน่วยงานอิสระเพื่อประเมินและกำกับดูแลกระบวนการยุติธรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบยุติธรรมที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ และสอดคล้องกับบริบททางสังคมไทยอย่างยั่งยืน </p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 วารสารกว๊านพะเยา
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jkp/article/view/2312
ความต้องการจำเป็นของการดำเนินงานบริหารการประกันคุณภาพภายในมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2
2025-06-29T17:32:09+07:00
อาทิพร โมสืบแสน
chaophraya.jc@gmail.com
ศรีเพ็ญ พลเดช
journal.kwanphayao@gmail.com
วินิรณี ทัศนะเทพ
thanadolpolpan@gmail.com
<p><strong> </strong>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความต้องการจำเป็นของการบริหารการประกันคุณภาพภายในมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นครู สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษามหาสารคาม เขต 2 จำนวน 304 คน ได้มาจากการกำหนดขนาดตามตารางของเครจซี่และมอร์แกนแล้วทำการสุ่มแบบชั้นภูมิ อย่างมีสัดส่วนตามขนาดของโรงเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามแบบสอบถาม มีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.80 สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ทดสอบสมมติฐานโดยการทดสอบค่าทีและการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว เมื่อพบความแตกต่างใช้การเปรียบเทียบเป็นรายคู่โดยใช้วิธีการของเชฟเฟ่ ผลการวิจัยพบว่า1</p> <p><span style="font-size: 0.875rem;">1.สภาพปัจจุบันของการบริหารการประกันคุณภาพภายในมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม เขต 2 โดยรวมอยู่ในระดับปานกลา<br /></span><span style="font-size: 0.875rem;">2. สภาพที่พึงประสงค์ของการบริหารการประกันคุณภาพภายในด้านมาตรฐานคุณภาพผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน และด้านที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรีย<br /></span><span style="font-size: 0.875rem;">3.ความต้องการจำเป็นของการบริหารการประกันคุณภาพภายในมาตรฐานด้านคุณภาพผู้เรียนของผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามหาสารคาม เขต 2 ในภาพรวมเท่ากับ 0.594 เมื่อพิจารณารายข้อ พบว่า คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน มีดัชนีความต้องการจำเป็นสูงสุด ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการของผู้เรียน มีดัชนีความต้องการจำเป็นต่ำสุด</span></p>
2025-06-30T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2025 วารสารกว๊านพะเยา