https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jMLD/issue/feed
วารสารการจัดการและการพัฒนาท้องถิ่น
2025-05-14T00:00:00+07:00
ดร.ประพล จิตคติ
jmld_fms@kpru.ac.th
Open Journal Systems
<p>วารสารการจัดการและการพัฒนาท้องถิ่น มุ่งนำเสนอบทความในศาสตร์ด้านบริหารธุรกิจ ด้านการท่องเที่ยวและโรงแรม ด้านการพัฒนาท้องถิ่น และด้านสหวิทยาการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นผลงานที่มีเป้าหมายเพื่อการพัฒนาองค์ความรู้ในเชิงทฤษฎี หรือการนำไปใช้ประโยชน์ต่อองค์การ ทั้งเชิงนโยบาย เชิงพาณิชย์ หรือเชิงการบริหารจัดการ เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน</p>
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jMLD/article/view/1219
การพัฒนาผลิตภัณฑ์น้ำพริกมะแขว่นของกลุ่มสตรีไทยทรงดำ หมู่บ้านท่าช้าง ตำบลคลองน้ำไหล อำเภอคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร
2024-12-12T11:39:01+07:00
ดารารัตน์ จันทร์อินทร์
no_email@mail.com
เพ็ญศรี ยวงแก้ว
no_email@mail.com
พัตราภรณ์ อารีเอื้อ
no_email@mail.com
ภาวิดา สินสวัสดิ์
no_email@mail.com
ธนาภา ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา
no_email@mail.com
พิชิตชัย ใจผ่อง
no_email@mail.com
<p>การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพ ปัญหา และความต้องการพัฒนาบรรจุภัณฑ์และตราสินค้าน้ำพริกมะแขว่นของกลุ่มสตรีไทยทรงดำ หมู่บ้านท่าช้าง ต.คลองน้ำไหล อ.คลองลาน จ.กำแพงเพชร 2) ตรวจสอบความปลอดภัยของน้ำพริกมะแขว่น 3) พัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายน้ำพริกมะแขว่นรูปแบบออนไลน์ 4) ประเมินความพึงพอใจของผู้บริโภคน้ำพริกมะแขว่น เป็นการวิจัยแบบผสานวิธี วัตถุประสงค์ที่ 1 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ แหล่งข้อมูลคือ กลุ่มสตรีไทยทรงดำ ที่ทำการผลิตน้ำพริกมะแขว่น 3 คน ใช้การเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัยคือ แบบสัมภาษณ์แบบกึ่งโครงสร้าง ทำการวิเคราะห์เนื้อหา วัตถุประสงค์ที่ 2 เป็นการวิจัยเชิงทดลอง แหล่งข้อมูลคือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบการผลิตตามมาตรฐานความปลอดภัยทางอาหาร คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร 1 คน เครื่องมือวิจัยคือ แบบทดสอบค่าวอเตอร์แอกติวิตี จุลินทรีย์ทั้งหมด ยีสต์และราทั้งหมด วิเคราะห์ข้อมูลเนื้อหาเปรียบเทียบกับมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมกระทรวงอุตสาหกรรม มผช.321/2556 วัตถุประสงค์ที่ 3 เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ แหล่งข้อมูลคือ กลุ่มสตรีไทยทรงดำ ที่ทำการผลิตน้ำพริกมะแขว่น 3 คน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง 7 คน ใช้การเลือกแบบเจาะจง เครื่องมือวิจัยคือ การสนทนากลุ่ม ทำการวิเคราะห์เนื้อหา วัตถุประสงค์ที่ 4 เป็นการวิจัยเชิงปริมาณ ประชากร ได้แก่ ผู้บริโภคน้ำพริกมะแขว่นของกลุ่มสตรีไทยทรงดำ ปี 2566 จำนวน 260 คน กลุ่มตัวอย่างคือ ผู้บริโภคน้ำพริกมะแขว่นของกลุ่มสตรีไทยทรงดำ 40 คน เครื่องมือวิจัยคือ แบบสอบถาม วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา<br />ผลการวิจัยพบว่า 1) สภาพและปัญหาบรรจุภัณฑ์เดิมเป็นรูปแบบพลาสติกอ่อน แตกง่าย ตราสินค้าไม่มีเอกลักษณ์และรายละเอียดในการติดต่อที่หลากหลาย ความต้องการคือ การเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ที่มีความแข็งแรง มีฝาปิดมิดชิด มีตราสัญลักษณ์ของกลุ่ม และมีช่องทางการติดต่อผ่านทางเพจเฟสบุ๊ค 2) ผลการตรวจสอบความปลอดภัยพบว่าผ่านมาตรฐาน โดยมีจุลินทรีย์ 5.3x103 โคโลนี, มียีสต์และรา 9.0x101 โคโลนี และ Water Activity 0.083@25.O0C 3) การพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายได้มีการเพิ่มช่องทางการขายผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านเพจ Facebook “น้ำพริก มะแขว่น ชินชินจริงๆ” 4) ความพึงพอใจของผู้บริโภคในภาพรวมอยู่ในระดับมาก (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> = 4.13) เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน ดังนี้ 1) ด้านสินค้าและบริการ (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> =4.20) 2) ด้านราคา (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> = 4.08) 3) ด้านการส่งเสริมการขาย ( = 4.05) และ 4) ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย (<img id="output" src="https://latex.codecogs.com/svg.image?\overline{x}" alt="equation" /> = 4.03) ตามลำดับ</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jMLD/article/view/1277
ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีผลต่อการตัดสินใจการกลับมาใช้บริการร้านคาเฟ่ซ้ำของผู้บริโภค ในอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร
2025-01-08T09:23:13+07:00
ชนากานต์ ก่ำการยุทธ
no_email@mail.com
ไปรยา ฤทธิ์กระจาย
no_email@mail.com
ชูเกียรติ สีดานุช
no_email@mail.com
ธิดา แก้วแกมทอง
no_email@mail.com
พีรพล ชัยบุญเรือง
no_email@mail.com
ปาจรีย์ ผลประเสริฐ
no_email@mail.com
<p>การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ คือ 1) เพื่อศึกษาลักษณะประชากรศาสตร์ของผู้บริโภคที่ใช้บริการร้านคาเฟ่ซ้ำ 2) เพื่อศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้บริการร้านคาเฟ่ซ้ำ 3) เพื่อศึกษาระดับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ใช้บริการร้านคาเฟ่ซ้ำ 4) เพื่อเปรียบเทียบปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ใช้บริการร้านคาเฟ่ซ้ำ จำแนกตามลักษณะประชากรศาสตร์ ซึ่งกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็นผู้ที่เคยใช้บริการร้านคาเฟ่มากกว่า 3 ครั้ง ในอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 385 คน โดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติการทดสอบกลุ่มตัวอย่างสองกลุ่มที่เป็นอิสระจากกัน และการวิเคราะห์ความแปรปรวนทางเดียว<br />ผลการวิจัย พบว่า 1) ผู้บริโภคส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมาก มีอายุระหว่าง 20 - 30 ปี มีสถานภาพโสด มีระดับการศึกษา ปริญญาตรี ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001 - 20,000 บาท 2) ผู้บริโภคส่วนใหญ่ นิยมไปใช้บริการร้านคาเฟ่กับเพื่อน และเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อการไปใช้บริการ ร้านคาเฟ่เหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจไม่กลับไปใช้บริการ คือ พนักงานบริการไม่ดี มีจำนวนค่าใช้จ่ายต่อครั้ง 100 - 300 บาท และร้านคาเฟ่ที่นิยมไปส่วนใหญ่เป็น ร้านฌาลี 3) ระดับปัจจัยส่วนประสมทางการตลาด ในปัจจัยด้านผลิตภัณฑ์และปัจจัยด้านบุคลากร มีผลต่อการตัดสินใจกลับมาใช้บริการร้านคาเฟ่ซ้ำมากที่สุด 4) ปัจจัยส่วนประสมทางการตลาดที่มีต่อการตัดสินใจของผู้บริโภคที่ใช้บริการร้านคาเฟ่ซ้ำ ไม่แตกต่างกันเมื่อเปรียบเทียบตามเพศ อายุ ระดับการศึกษา และอาชีพ ในขณะที่แตกต่างกันเมื่อเปรียบเทียบตามสถานภาพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jMLD/article/view/1349
ความพึงพอใจการเข้าร่วมโครงการยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับรายได้ให้กับคนในชุมชนฐานราก ตำบลเบญจขร อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว
2025-01-14T13:53:53+07:00
ปรีชญา รุ่งวิกรัยกานต์
no_email@mail.com
<p>การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความพึงพอใจของผู้เข้าร่วมโครงการต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการเพิ่มรายได้ของประชาชนในชุมชนระดับรากหญ้า ชาวบ้านตำบลเบญจขกร อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว เก็บข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง คือ ชาวบ้านตำบลเบญจขกร อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้วที่เข้าร่วมโครงการยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตและยกระดับรายได้ให้กับคนในชุมชนฐานราก จำนวน 44 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา คือ แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน<br />ผลการวิจัยพบว่า ผู้เข้าร่วมโครงการยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้ให้กับคนในชุมชนฐานราก ตำบลเบญจขร อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว จำนวน 44 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง กลุ่มอายุ 35 - 49 ปี อาชีพเจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการอิสระ โดยผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจในภาพรวมของกิจกรรมของโครงการในระดับมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ ด้านการอำนวยความสะดวกประสานงาน และการให้บริการของเจ้าหน้าที่ การสนับสนุนด้านการฝึกอาชีพหรือพัฒนาทักษะที่ได้รับจากโครงการฯ และด้านรูปแบบการจัดงานและกิจกรรม ตามลำดับ แสดงให้เห็นว่าโครงการนี้มีความสำเร็จสูงในการสร้างความพึงพอใจและตอบสนองความต้องการของผู้เข้าร่วมโครงการในชุมชน</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร
https://so11.tci-thaijo.org/index.php/jMLD/article/view/1819
การบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดตาก
2025-03-21T16:51:59+07:00
สายใจ ต๋าคำ
no_email@mail.com
ปรินดา รุ่งหมี
no_email@mail.com
วาสนา จรูญศรีโชติกำจร
no_email@mail.com
<p>การศึกษาวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาการบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ที่ส่งผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต ในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ จังหวัดตาก 2) เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ที่มีต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตในเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ จำนวน 80 แห่ง เครื่องมือคือแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์แปรปรวนทางเดียวและการวิเคราะห์สหสัมพันธ์สัมประสิทธิ์ถดถอยแบบพหุคูณ<br />ผลการศึกษาเปรียบเทียบ พบว่า ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์โดยรวมของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้านอยู่ในระดับมากที่สุด 5 ด้าน โดยค่าเฉลี่ยของการบริหารใกล้เคียงกันตามลำดับดังนี้ ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน ด้านค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ ด้านความปลอดภัยและสุขภาพ ด้านการวางแผนทรัพยากรมนุษย์ และด้านแรงงานสัมพันธ์ อยู่ในระดับมาก 2 ด้าน คือ ด้านการสรรหาและคัดเลือก ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ความคิดเห็นเกี่ยวกับความได้เปรียบทางการแข่งขันของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตโดยรวมและรายด้าน อยู่ในระดับมากที่สุด ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตที่มีประเภทการผลิตแตกต่างกัน มีความคิดเห็นเกี่ยวกับความได้เปรียบทางการแข่งขันของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต แตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 ผลการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์กับความได้เปรียบทางการแข่งขัน สามารถสรุปได้ว่า การบริหารทรัพยากรมนุษย์เชิงกลยุทธ์ ด้านความปลอดภัยและสุขภาพ 0.014 ด้านแรงงานสัมพันธ์ 0.017 ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน 0.032 มีผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขันโดยรวมของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต และด้านแรงงานสัมพันธ์ 0.001 มีผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้านต้นทุนของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต อีกทั้งด้านค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ 0.025 ด้านการประเมินผลการปฏิบัติงาน 0.033 มีผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้านสร้างความแตกต่างของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต และด้านความปลอดภัยและสุขภาพ 0.034 มีผลต่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน ด้านการตอบสนองความต้องการที่รวดเร็วของโรงงานอุตสาหกรรมการผลิต</p>
2024-12-27T00:00:00+07:00
Copyright (c) 2024 มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร